Park Si Hoo ชนะการสู้คดีความกับบริษัท " A " แล้ว
จากการที่เมื่อปีที่แล้ว ทางบริษัท " A " ได้ทำการฟ้องร้องขอค่าเสียหายกับ Park Si Hoo นั้น อย่างไรก็ตาม ทาง ศาลของ Seoul Southern District ได้ยกฟ้องคดีนี้ออกไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ซึ่งหมายถึง Park Si Hoo นั้นขณะนี้ ได้เป็นอิสระจากปัญหาทางด้านคดีความใดๆอย่างสมบูรณ์แล้วในที่สุด
ตามที่เราทราบกันว่าบริษัทที่ว่าจ้างให้ Park Si Hoo มาแสดงในงานละครเพลงชื่อ " Boy " และได้ทำการถ่ายทำกันในประเทศไทยในช่วงเดือน กันยายน ปี 2012 ที่ผ่านมา ได้ทำการฟ้องร้องค่าเสียหายจากเขาในโทษฐานที่ไม่ดำเนินการถ่ายทำให้สำเร็จลุล่วงลงไป จนทำให้งานละครเพลงชุดนี้ไม่สามารถที่จะดำเนินไปจนถึงที่สุดได้ ซึ่งทางบริษัท " A " ได้กล่าวว่าหนังนั้นมีการลงทุนไปทั้งสิ้นประมาณ 2 พันล้านวอน ( ประมาณ US$ 2 ล้าน ) ได้เรียกร้องค่าเสียหายจากเขาเป็นเงินทั้งสิ้น 300 ล้านวอน ( หรือประมาณ US$ 297,000 ) เนื่องจากการต้องหยุดชะงักการถ่ายทำไปได้เพียงแค่ครึ่งทาง อย่างไรก็ตาม Park Si Hoo ได้เน้นไปว่ามันไม่มีสัญญาที่ชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรจากทั้ง 2 ฝ่าย และนั้นคือเหตุผลที่หนังได้หยุดการถ่ายทำลงไปเนื่องจากบริษัทในประเทศไทย
เขายังได้ชี้ไปอีกด้วยว่ามันไม่มีการรับประกันล่วงหน้าใดๆ หรืออธิบายมากไปกว่านั้นก็คือถ้าสัญญาถูกเซ็นต์ขึ้น ดังนั้นเขาก็ควรที่จะได้รับค่าจ้าง ซึ่งเขานั้นไม่ได้รับเลย ดังนั้น เขาจึงยืนยันว่าเขานั้นไม่มีส่วนรับผิดชอบใดๆต่อความเสียหายที่มีขึ้น
" A " ได้กล่าวว่า สัญญานั้นเป็นการตกลงกันด้วยปากเปล่าก็จริง และพวกเขาก็จ่ายไปแล้วเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 270 ล้านวอน ( ประมาณ US$ 267,000 ) เนื่องจากการยืนยันด้วยปากของ Park Si Hoo เอง พวกเขาจึงชี้ชัดไปอีกด้วยว่าพวกเขานั้นสามารถที่จะไปถ่ายทำในประเทศไทยได้ก็เพราะพวกเขาได้ทำการตกลงกันแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ' A " ได้อ้างต่อว่าหลังจากการถ่ายทำในเมืองไทยล้มเหลว พวกเขาก็ตกลงที่จะมีการมาถ่ายทำต่อในประเทศเกาหลี แต่ Park Si Hoo ไม่ได้ทำตามสัญญา พวกเขากล่าวว่าทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงกันว่าจะจ่ายส่วนที่เหลือหลังจากที่หนังได้ถ่ายทำจนเสร็จสิ้นลง
อย่างไรก็ตามทางศาลได้ตัดสินว่า " คดีทั้งหมดของโจทย์ได้ถูกยกฟ้องไป และค่าใช้จ่ายในการถ่ายทำทั้งสิ้นจะถูกชำระโดยโจทย์ "
บริษัทตัวแทนของ Park Si Hoo ได้กล่าวว่า " มีคดีมากมายที่คนพยายามที่จะทำลายชื่อเสียงของคนดัง และเราคิดว่าเราได้รับผลลัพธ์ที่มีความหมายที่ดียิ่ง แม้ว่ามันไม่ยุติธรรมเลย กับสิ่งที่เราต้องมาต่อสู้อยู่กับมันและต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ด้วยความเงียบมาตลอด แต่เราก็มีความสุขเมื่อได้เห็นผลลัพธ์ของมันในที่สุด Park Si Hoo จะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อให้เขากลายมาเป็นนักแสดงที่มีความจริงใจและถ่อมตนของแฟนๆซึ่งให้ความเชื่อถือและสนับสนุนในตัวเขา
-------------------------------------------------------------
" A " ได้กล่าวว่า สัญญานั้นเป็นการตกลงกันด้วยปากเปล่าก็จริง และพวกเขาก็จ่ายไปแล้วเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 270 ล้านวอน ( ประมาณ US$ 267,000 ) เนื่องจากการยืนยันด้วยปากของ Park Si Hoo เอง พวกเขาจึงชี้ชัดไปอีกด้วยว่าพวกเขานั้นสามารถที่จะไปถ่ายทำในประเทศไทยได้ก็เพราะพวกเขาได้ทำการตกลงกันแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ' A " ได้อ้างต่อว่าหลังจากการถ่ายทำในเมืองไทยล้มเหลว พวกเขาก็ตกลงที่จะมีการมาถ่ายทำต่อในประเทศเกาหลี แต่ Park Si Hoo ไม่ได้ทำตามสัญญา พวกเขากล่าวว่าทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงกันว่าจะจ่ายส่วนที่เหลือหลังจากที่หนังได้ถ่ายทำจนเสร็จสิ้นลง
อย่างไรก็ตามทางศาลได้ตัดสินว่า " คดีทั้งหมดของโจทย์ได้ถูกยกฟ้องไป และค่าใช้จ่ายในการถ่ายทำทั้งสิ้นจะถูกชำระโดยโจทย์ "
บริษัทตัวแทนของ Park Si Hoo ได้กล่าวว่า " มีคดีมากมายที่คนพยายามที่จะทำลายชื่อเสียงของคนดัง และเราคิดว่าเราได้รับผลลัพธ์ที่มีความหมายที่ดียิ่ง แม้ว่ามันไม่ยุติธรรมเลย กับสิ่งที่เราต้องมาต่อสู้อยู่กับมันและต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ด้วยความเงียบมาตลอด แต่เราก็มีความสุขเมื่อได้เห็นผลลัพธ์ของมันในที่สุด Park Si Hoo จะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อให้เขากลายมาเป็นนักแสดงที่มีความจริงใจและถ่อมตนของแฟนๆซึ่งให้ความเชื่อถือและสนับสนุนในตัวเขา
-------------------------------------------------------------
Last year in August, company 'A' filed a lawsuit against Park Si Hoo for damage compensation. However, the Seoul Southern District Court dismissed the case completely, leaving Park Si Hoo free of all legal troubles.
'A' had claimed that in September 2012, they'd started to film a MV in Thailand that cost about 2 billion KRW (approximately $2 million USD). They claim that the MV filming fell apart in the middle because of Park Si Hoo. 'A' demanded 300 million KRW (approximately $297,000 USD) from Park Si Hoo. However, Park Si Hoo pointed out that there was no clear contract singed by both parties, and that the reason the filming stopped was because of the Thailand company.
He also pointed out that there was no up front guarantee. Further explaining that if the contact was signed then he should have been paid, which he wasn't. Thus, he affirmed that he had no responsibility for the damages.
'A' responded that the contract had been agreed to verbally, and that they had also paid out 270 million KRW (approximately $267,000 USD) because of Park Si Hoo's previous label's verbal affirmations. They also pointed out that they were able to film in Thailand because they already had an agreement. Furthermore, 'A' claimed that after the Thailand filming fell apart, they had agreed to film in Korea, but that Park Si Hoo broke that promise. They added that both sides had agreed to pay the guarantee after the filming was done.
However, the court decided, "All of the plaintiff's suits are dismissed. The filing fees will be paid by the plaintiff."
Park Si Hoo's label said, "There are many cases where people try to destroy a well-known celebrity's name, and we think we received meaningful results. Even though it was unfair, we dealt with it and responded quietly, and we're happy to see that we saw results. Park Si Hoo will work harder to become a more modest, sincere actor for the fans who trusted him and supported him."
ฮูเร.ๆๆๆๆๆ.เย้ๆๆๆๆๆ
ReplyDeleteเย้ๆๆๆๆๆๆๆ
Deleteลืมเลย!! ขอบคุณสำหรับคำแปลนะคะนิกกี้ ^^ น่ารักที่สุดตื่นมาแปลให้อ่านแต่เช้าเลย :)
Deleteด้วยความยินดีคะ มีคำผิดกี่คำคราวนี้^^
Deleteไม่มีเลยค่ะ เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ^^ วันนี้ไม่มีเลยสักกะคำเดียว!!!!
Deleteโอววว มีแต่ข่าวดีรับอรุณ^^
Deleteaaaaa
ReplyDeleteหมดกันเสียทีนะคะ ใช่ไหม^^
Delete