Scent

Scent

Saturday, August 11, 2012

บทความของ PSH ในนิตยสาร Chinese magazine # 2


Chinese entertainment magazine :  13 กันยายน 2008



ห้วงสมุทร, แผ่นพื้นที่แปลกตา อ้างว้าง และมืดมนในห้วงชีวิตของใครคนหนึ่ง

Park Si Hoo เกิดในปี 1978 ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ในยุคพัฒนาแล้วของประเทศเกาหลี ถ้าไม่นับบทตัวประกอบย่อยๆในละครเวทีเล็กๆเรื่องหนึ่งชื่อ " A life of 12 coins " ที่เขาแสดงไว้ในปี 1998 แทบจะถือได้ว่าเขามาเริ่มงานแสดงจริงๆเอาก็เมื่อปี 2005 แล้วนั่นแหละ จากบทสั้นๆในละคร " A delightful girl, Choon Hyang " ช่วงเวลากว่า 7 ปีก่อนหน้านั้น Park Si Hoo ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับการถ่ายแบบแฟชั่นเป็นหลัก อาจกล่าวได้ว่าเขายังไม่ได้มีอาชีพนักแสดงอย่างแท้จริงเสียด้วยซ้ำ แถมรวมเข้ากับการที่ต้องไปเข้าค่ายทหารอยู่อีก 2 ปี ซึ่งถือได้ว่าเป็นช่วงโอกาสที่ดับวูบอีกช่วงหนึ่งกับชีวิตการแสดงของเขาทีเดียว 

PSH ใน A delightful girl, Choon Hyang


ถึงกระนั้นก็ตาม โชคก็พอมีให้เขาอยู่บ้างที่ได้ถูกเลือกให้มาแสดงในละคร " A delightful girl… " แต่เพราะเหล่านักแสดงทั้งชายและหญิงในละครนั้น ล้วนเป็นดาราที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในขณะนั้นทั้งสิ้น เช่น Han Che Yong, Jae Hee, Eom Tae Wong จึงยากนักที่เขาจะได้มีโอกาสสร้างความประทับใจให้กับใครๆและบทของเขานั้นก็เป็นบทที่สั้นมากๆด้วย อย่างไรก็ตาม PSH ก็มาเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นจากบทในละครเรื่องใหม่ของเขาคือ " Let's get married" ที่เขามาแสดงในช่วงเดือนตุลาคมในปี 2005 โดยรับบทของชายหนุ่มที่ตกหลุมรักสาวที่มีอายุมากกว่า

ใน Let's get married

แต่โชคก็ยังไม่เข่้าข้างเขานัก เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่ละครชุดของเกาหลีเริ่มมาถึงจุดอิ่มตัว มีละครดีๆเกิดขึ้นมากมายในช่วงนั้น ทำให้โอกาสของเขาก็ดูลดน้อยถอยลงไปด้วย ในเวลาต่อมาบทที่เขาได้รับคือ " บทผู้ช่วยพระเอกที่เข้ามาเสริมให้พระเอกของเรื่องกลายเป็นดาวที่เด่นชัดมากขึ้น " ก็ได้ถูกมอบหมายมาให้เขาในละคร " What planet are you from ? " ในคราวนี้อย่างน้อย Park Si Hoo ก็ได้เขยิบขึ้นมาเป็นพระรองในละครแม้จะไม่มีบทบาทที่พิเศษอะไรมากนักก็ตาม ในช่วงนั้นผู้ชมก็เริ่มเบื่อหน่ายกับละครที่เขียนออกมาซ้ำๆซากๆอยู่ในแนวเดียวกัน งานละคร TV ที่เขาแสดงก็ไม่อาจจะเติมเต็มความรู้สึกที่ว่างเปล่าโหยหาในใจของเขาที่มีต่อโลกธุรกิจบันเทิงแห่งนี้ได้เพียงพอ มันกลับเป็นตรงกันข้ามด้วยซ้ำไป

ใน what planet are you from ?

อีกสิ่งหนึ่งที่เข้ามาก่อกวนจิตใจของ Park Si Hoo มากเข้าไปอีกก็คือ ความรู้สึกของพ่อเขาที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดที่เขาต้องการเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงสายนี้ มันยังคงครุกรุ่นอยู่ในหัวใจของเขาตลอดมา ดังนั้นความพยามยามที่จะมุ่งล่าฝันในอาชีพนักแสดงของเขาก็ยิ่งเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและอัดอั้นทรมาณยิ่งขึ้นไปอีก

" เราจะทนอยู่กับอาชีพนักแสดงที่ว้าเหว่อยู่ตามลำพังเช่นนี้ไปจนถึงจุดจบของมันไหวหรือ " นั้นคือคำกล่าวของพ่อของเขาที่เอ่ยออกมาด้วยความเป็นห่วงและกังวลต่อลูกชายของเขา พ่อของเขานั้น ย่อมรู้ซึ้งเป็นอย่างดีถึงชีวิตเช่นนั้น เพราะพ่อเขาเองก็เคยก้าวเข้ามามีอาชีพเป็นนายแบบอิสระในช่วงระยะเวลาอันยาวนานในวงการธุรกิจบันเทิงแห่งนี้มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น น้องชายของเขาซึ่งได้กลายมาเป็นนักเบสบอลมืออาชีพก็เริ่มเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา ทำให้ Park Si Hoo ยิ่งรู้สึกมีความกดดันมากขึ้นทุกที และมันได้ทำให้เขากลายมาเป็นคนที่พูดน้อยลง เก็บตัว และเงียบขรึมมากขึ้น เมื่อเขารู้สึกว่ามันยากนักที่จะแสดงความรู้สึกภายในใจของเขาออกมา PSH ก็ยิ่งเก็บตัวเงียบมากเข้าไปอีก 

ในขณะนั้นเมื่อเขาไม่มีงานเข้ามา เขาก็จะพยายามทำตัวเองให้ยุ่งเข้าไว้ ช่วงที่ไม่มีอะไรทำเขาก็จะใช้เวลากับการเล่นกีฬาหลากหลายชนิดด้วยกันและท่องเที่ยวโดยการเดินเท้า เขามีความสุขกับการเดินทางขึ้นเขาใช้เวลาที่เป็นอิสระกับธรรมชาติ ป่าเขา และวิธีนี้ก็ได้ช่วย PSH ให้ผ่อนคลายกับความอึดอัดสับสนที่อยู่ภายในจิตใจของเขาและช่วยเขาเอาชนะตัวเองไม่ให้จมปลักลงไปสู่ความเกียจคร้านเมื่อเขาได้งานละครเรื่องต่อมาในปี 2007 และในที่สุดจากนั้นเป็นต้นมา Park Si Hoo ก็ได้พุ่งทยานไปข้างหน้า บินสูงขึ้นไปสู่ท้องฟ้าที่สดใส ละทิ่้งห้วงสมุทรสีฟ้าที่มืดครึ้มอึมครึมกับคลื่ินลมที่โหมกระหน่ำไว้แต่เพียงเบื้องหลัง

และ A perfect neighbor ในปี 2007 ที่ทำให้เขาทยาน !


credit : www.parksihoo.com

2 comments:

  1. อ่านแล้วรู้สึกเศร้าไปกับชีวิตช่วงนั้นของซีฮูจังเลย><
    และดีใจที่เขาไม่ท้อแท้ล้มเลิกกลางคัน ม่ายงั้นเราคงจะไม่ได้รู้จักผู้ชายที่ชื่อ "Park Si Hoo" อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

    ปล.ขอให้นิกกี้เดินทางปลอดภัยนะคะ ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวผ่อนคลายบ้างนะคะ อย่าทำงานหนักเกินไปนะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ

    ReplyDelete
  2. ขอบคุณคะสำหรับคำอวยพร แน่นอนคะต้องออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง ไหนๆก็มาแล้ว

    แปลไปก็เศร้าไปเหมือนกันคะ เรียกว่าตื่อมาถึงลำคอเลย เพราะเข้าใจความรู้สึกของเขาในช่วงนั้นดีที่สุด มันเกิดขึ้นได้กับทุกคนเมื่อพี่น้องได้ดี แล้วตัวเขาเองยังไม่มีอะไรเลย แต่สิ่งที่ปลื้มใจที่สุดก็คือวิธีที่เขาเอาชนะความทุกข์ของเขาด้วยการ ออกกำลังกาย ทำตัวเองให้ยุ่งเข้าไว้มุ่งเข้าหากีฬาแทนยาเสพติดหรือของมึนเมา อยากให้เด็กไทยเราเห็นเขาเป็นตัวอย่างจริงๆ
    โอ๊ะ! ขอโทษคะ ซีเรียสไปหน่อย ต้องไปหาอะไรเย็นๆชื่นใจทานหน่อยแล้ว เช่น ไอสครีม เป็นต้น เย้! เย้!

    ReplyDelete