Scent

Scent

Thursday, March 1, 2012

The Dark Knight ( ตอนที่ 2 )

ตามปรกติเมื่อการถ่ายทำหนังตามต่างจังหวัดเสร็จสิ้นลงในช่วงคำ่ นักแสดงส่วนใหญ่จะเก็บตัวเงียบๆไม่ค่อยออกไปไหนมากนัก



PSH : ผมเป็นคนรักการถ่ายภาพ ผมออกไปดูต้นกกมาแล้วก็ถ่ายรูปเก็บไว้ จริงๆแล้วหนึ่งในผู้จัดการของผมไม่ชอบอยู่แต่ในที่พักเหมือนกัน แล้วผมก็เป็นคนที่ชอบมองหาอะไรที่น่าสนใจทำระหว่างพักช่วงการถ่ายหนัง

R : ตอนนี้คุณกำลังถ่ายหนังจอเงินเรื่องแรก รู้สึกอย่างไรบ้าง

P : ผมคิดว่าผมได้มาเจองานที่ดีมากงานหนึ่ง ในความจริงที่ว่าผมโถมตัวลงมาเล่นหนังเรื่องนี้ภายใน 2 วัน หลังจากที่ผมเสร็จจากงานละคร TPM ก็น่าที่จะหมายความว่าผมมีความหวังเต็มที่กับงานนี้ ถึงแม้ว่าผมอยากที่จะมีเวลาพักผ่อนหลังจากเสร็จจากงานละคร ผมก็ต้องปัดความตั้งใจนั้นออกไปเพราะผมมีความสนใจในบทนี้อย่างมาก การถ่ายหนังแตกต่างจากการถ่ายละครมาก ในงานละคร เขาจะกระโดดจากฉากหนึ่งไปอีกฉากหนึ่ง แล้วผมก็จะต้องพยายามปรับแต่งอารมณ์ให้ได้ในแต่ละช่วงเวลาและท้องเรื่อง ละคร TV เรื่องหนึ่งจะต้องคาดหมายให้เสร็จทันเวลาออกกากาศ ดังนั้นการถ่ายทำจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่มีการพัก ส่วนการถ่ายหนังมันทีเวลาที่จะตระเตรียม และนี้คือสิ่งที่ดี

R : คุณเข้ากับนักแสดงอื่นๆได้ดีไหม อย่าง Jung Jae Young เขาถือเป็นรุ่นพี่ นี้ทำให้คุณรู้สึก ตื่นเต้น หรือประสาทกินบ้างไหม

P : เราเพิ่งจะเริ่มมีฉากร่วมกันอยู่เพียง 2-3 ฉากเท่านั้น เขาใจดีกับผมมาก เหมือนกับพี่ชายข้างบ้าน เขาทำตัวง่ายๆ สบายๆกับทีมงานเช่นกัน เขาไม่ใช้คนที่จะทำให้คนอี่นรู้สึกอึดอัด ไม่สบายใจหรอก เรายังไม่ได้แสดงร่วมกันมากนัก ตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้จักเขาดีนัก ถึงจุดนี้จะมีเพียงแค่ฉากเดียวที่ผมจะเป็นลมไปและเขาก็จะหามผมขึ้นหลังเขา ดังนั้นผมก็เห็นแต่หลังของรุ่นพี่เท่านั้นแหละ ( หัวเราะ )

R : ในละครของคุณส่วนใหญ่คุณมักจะรับบทเป็นผู้บริหารระดับสูงอะไรทำนองนั้น จนกลายมาเป็นภาพพจน์ของคุณไปแล้ว คุณไม่เคยแสดงบทที่ต้องทนทุกข์ทรมาณแสนสาหัสเลย ( อีตานักข่าวนี้สงสัยจะไม่ได้ดู TPM... )

P : นั้นคือเหตุผลที่ผมรับเล่นหนังเรื่องนี้โดยปราศจากการหยุดพักช่วงระหว่างงาน 2 งาน นี้เป็นบุคลิกตัวละครแนวใหม่ที่ผมไม่เคยเล่นมาก่อน และรักที่จะแสดงอยู่แล้ว ตัวละครในเรื่องของผมจะเป็นฆาตกรที่ก่อคดีไว้หลายคดี ซึ่งต่อมากลายเป็นนักเขียนที่หนังสือของเขากลายเป็นหนังสือที่ฮิตขายดีติดอันดับ ซึ่งเขาได้เขียนเกี่ยวกับการฆาตกรรมในอดีตของเขาหลังจากช่วงคดีความหมดอายุลง ผมต้องการแสดงบทลักษณะนี้อยู่่เสมอ บทของคนที่มี 2 บุคลิกในตัวคนเดียวกัน เปรียบกับพวกฆาตกรใจเหี้ยมทั่วๆไป เขาจะเป็นในลัษณะของฆาตกรโรคจิตที่ฆ่าคนแบบเลือดเย็น ผมกำลังจะเล่นบทของเขาไม่เพียงแค่ด้านเดียวเท่านั้น ซึ่งเขาจะเป็นคนที่ดูลึกลับ ซับซ้อน สายตาจะแสดงความรู้สึกแตกต่างออกไปในแต่ละสภาพการณ์

R : คุณได้ดูงานของผู้กำกับ เรื่อง " Action Boys " หรือยัง

P : วิธีการของเขามีลักษณะเฉพาะตัวที่โดดเด่นออกมา เขาเป็นคนที่เก็บรายละเอียดได้ดี บางทีก็ดูจะค่อนข้างบ้าระหำ่เอาการอยู่ จนกระทั่ง ณ จุดที่ตรงนี้ ไม่มีฉากไหนเลยของผมที่จะเรียกว่าง่าย หรือ ธรรมดา (หัวเราะ) เขาชอบจัดฉากให้ผมต้องถูกสาดหน้าด้วย Jajamgmyeon (ก๋วยเตี๋ยวที่ใส่ซ๊อสสีดำ) ผมถูกงูกัดขณะที่ว่ายนำ้อยู่ ผมต้องกลิ้งตัวไปรอบๆหลังคารถ .... เพราะเขาเคยเป็น stuntman มาก่อนเขาถึงได้ใส่ฉากที่อันตรายมากๆเข้าไปในหนัง ฉากการต่อสู้ต่างๆถือว่ายอดเยี่ยมมาก และได้รับการคาดหมายอย่างสูง มันยากมากที่จะแสดงฉากการต่อสู้แต่ผมก็แสดงด้วยตัวเองทั้งหมดไม่แม้แต่ครั้งเดียวที่จะใช้ตัวแทนในฉาก มันยากมากและทำให้ผมเหนื่อยล้าไปหมดจนบางครั้งไม่สามารถจะหาคำใดๆมาบรรยายได้ ผมทนทุกข์ทรมาณมากจริงๆ แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาน่าพอใจมากๆเช่นกัน ดังนั้นความยากลำบากอย่างแสนสาหัสทั้งหลายก็ถูกลบลืมไปสิ้น



นี้คือผู้กำกับ Jung Byung Gik ซึ่งกำกับหนังสารคดีชื่อ " Action Boys " ซึ่งเกี่ยวกับวิถีชีวิตของเหล่าบรรดา Stunt men จากช่วงเริ่มต้นที่ Action school จนมามีส่วนร่วมในงาน action ที่สำคัญๆกับทีมงานหนังระดับยักษ์ใหญ่ " I'm a Killer " ถือเป็นงานหนังภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาเช่นกัน

No comments:

Post a Comment