Link news : http://news.nate.com/view/20140128n00119
แววตาที่ดูจะแตกต่างกันออกไปเสมอ
คลื่นลูกใหม่ของเอเชีย Park Si Hoo ผู้ที่หล่อหลอมตัวเองขึ้นมาจากการแสดงที่เยี่ยมยอด การขยายขอบเขตการแสดงให้กว้างออกไป นัยน์ตาของเขานั้น บางครั้งก็ดูเย็นราวกับน้ำแข็ง บางครั้งก็ดูร้อนรุ่ม และบางครั้งก็ดูช่างน่าเวทนา กับดวงตาที่ช่วยส่งเสริมการแสดงของ Park Si Hoo เช่นนี้นั่นเอง ที่เป็นการปักหลักวางฐานให้กับชีวิตในวงการบันเทิงของเขาอย่างแท้จริง แต่จริงๆแล้ว ไม่เพียงแต่แววตาของเขาเท่านั้นที่คอยเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่มันเป็นเพราะบุคลิกที่หลากหลายของเขาอีกด้วย จนในบางครั้งผู้คนถึงกับต้องถามตัวเองว่าเขานั้นกำลังคิดอะไรอยู่ข้างใน " มันดูแตกต่างออกไปเสมอ ไม่เคยเลยที่จะเข้าใจในตัวเขาได้อย่างสมบูรณ์เสียทีเดียวสักครั้ง " ดังนั้นจึงทำให้คนมากมายต้องการที่จะรู้จักเขาดียิ่งขึ้นไปอีก
หลังจากการหยุดพักไประยะหนึ่ง เขาก็กลับมาอีกครั้งกับงานหนัง " Scent " เมื่อเดือนธันวาคม 2013 ซึ่งถือเป็นการประกาศการกลับมาอย่างเป็นทางการของเขาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อสื่อมวลชนถามเขาว่าเขานั้นกังวลบ้างไหมกับความโด่งดังของเขาที่อาจลดน้อยถอยลง เขากลับตอบอย่างเปิดใจว่า " เขานั้นมีความสุขอยู่กับปัจจุบันตามที่มันเป็น "
สำหรับนักแสดงแล้วเวลามาพักที่ยาวนานกว่าครึ่งปีถือว่าไม่ใช่ช่วงสั้นๆเลย แต่ Park Si Hoo นั้นไม่ได้มีความกลัวหรือวิตกกังวลใดๆเลย ในทางตรงกันข้ามในครั้งนี้ เขากลับทำให้ตัวเองสามารถหาหนทางที่กลับมาอย่างสะดวกสบายใจเป็นที่สุด ในช่วงเวลาที่ขาดหายไปมันได้เปิดโอกาสให้เขาได้เห็นคุณค่าของแฟนๆของเขาว่าสำคัญต่อเขาเช่นไร และตระหนักถึงชีวิตที่โหดร้ายกับอาชีพของนักแสดงสักคนหนึ่ง มันทำให้เขาได้ตระหนักขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งว่าอาชีพนี้นั้นสำคัญมากมายแค่ไหนต่อตัวของเขาเอง
ความฝันที่จะเป็นนักแสดงค่อยๆเริ่มต้นมาตั้งแต่เยาว์วัยในหมู่บ้านเล็กๆของเขา
ภาพพจน์ที่ดูเป็นดูเป็นธรรมชาติ มักรับบทของคนที่มีฐานะร่ำรวย ทำให้เขานั้นมักได้รับบทของคนมีอันจะกินอยู่เสมอ นั้นคือภาพพจน์ที่ผู้คนรู้สึกเกี่ยวกับ Park Si Hoo จนดูเหมือนว่าเขานั้นคงไม่เคยรู้สึกถึงความยากลำบากในขณะที่เติบโตขึ้นมาเลย แต่อดีตของเขานั้นจริงๆแล้วไม่ได้เป็นดังที่เราคาดกันเลย เขานั้นไม่ได้เติบโตมาจากชีวิตในเมืองใหญ่โตเลย แต่เขานั้นเกิดและเติบโตขึ้นมาในเมืองเล็กๆที่เรียกว่า Buyeo -เด็กบ้านนอกคนหนึ่งในเขต Chungnam
เขาชอบที่จะเป็นตัวของตัวเอง เขาจึงตัดสินใจออกมาจากเขตชนบทที่คุ้นเคย และ มาอาศัยอยู่กับเพื่อนในกรุงโซล โดยไม่ขอการความช่วยเหลือใดๆจากพ่อ-แม่ของเขาเลย อนาคตที่ยังหาความแน่นอนไม่ได้ ชีวิตต้องขึ้นอยู่กับตัวของเขาเอง มีเพียงความเชื่อมั่นว่าวันหนึ่งเขาจะต้องประสพความสำเร็จ เขาจึงทำงานทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในช่วงนั้น
อดีตของ Park Si Hoo นั้นไม่มีใครทราบได้ถ้าดูจากฐานะและชื่อเสียงของเขา แต่ในความจริงแล้วก่อนที่เขาจะมาเป็นที่รู้จักของผู้คนโดยทั่วไปนั้น เขาต้องใช้เวลากว่า 10 ปีอย่างคนไร้ชื่อเสียง แสดงละครเวทีอยู่กับทีมของมหาวิทยาลัย เดินแจกใบปลิว ไปติดตามที่สาธารณะต่างๆ เขาทำอยู่อย่างนั้นจนถึงช่วงปลายๆของปี 90 ก่อนที่จะค่อยๆเริ่มมามีงานละครบนเวทีกับเขาบ้าง จากบทตัวประกอบเขาก็ค่อยๆไต่เต้ามาเรื่อยๆ และนี้คือหนทางของ Park Si Hoo ขณะที่นักแสดงอายุราวๆ 20 ปีกว่าๆหลายคนนี้คือช่วงที่จะเริ่มหาเงินทองได้อย่างเป็นกอบเป็นกำแล้วกับการรับงานหนังมากมาย แต่ความมุ่งมั่นของเขานั้นกลับขึ้นอยู่กับการคัดเลือกมองหาบทดีๆที่จะแสดง ขอเพียงเป็นบทดีๆอะไรก็ได้ เพื่อที่เขาจะค่อยซึมซับสร้างความประทับใจของเขาต่อผู้ชมไปอย่างช้าๆจนกว่าพวกเขาจะจดจำเขาได้ในที่สุด
นิสัยที่ถูกขัดเกลามาอย่างดีย่อมแสดงถึงการมาจากครอบครัวที่มีสกุล
ด้วยความรักในงานแสดงที่ไม่เหมือนใครๆ Park Si Hoo เริ่มต้นการแสดงด้วยความช่วยเหลือของน้องชายของเขาที่ต่างต้องทนหนักเอาเบาสู้มาด้วยกัน ในช่วงที่ไม่มีบริษัทตัวแทนเขาต้องทำทุกอย่างด้วยตัวของเขาเอง เพื่อที่จะก้าวไปสู่ความฝันของเขาให้จงได้ ก็มีแต่เพียงน้องชายของเขาเท่านั้นที่คอยช่วยเหลือเขาอย่างมากมาย และน้องชายอดีตนักกีฬาเบสบอลมืออาชีพคนนี้ก็ได้เปิดตัวบริษัทของพวกเขาขึ้นมาในที่สุด จนถึงปัจจุบันนี้ น้องชายของเขาก็ได้ยืนหยัดอยู่เบื้องหลังของ Park Si Hoo เสมอมา และเขาก็ได้น้องชายของเขานี้แหละที่เป็นราวทั้งแขนและขาให้กับเขา ต่างฝ่ายต่างก็ยืนหยัดอยู่เพื่อกันและกันราวกับเป็นทั้งเพื่อนและตัวแทนของเขาไปพร้อมๆกัน
ขณะเดียวกัน พ่อของ Park Si Hoo นั้นก็เป็นที่ทราบดีว่าเขาเคยเป็นนายแบบแฟชั่นรุ่นแรกมาก่อน พ่อของเขานั้นเคยเป็นนายแบบให้กับร้านเสื้อผ้า และ โฆษณาต่างๆมากมายในช่วงปี 1960-1970 ทั้งงานถ่าย โยเกิตและเครื่องดื่มมากมายกว่า 60 ชนิด และกล่าวได้ว่าพ่อของเขาเองนั้นก็ถือได้ว่าโด่งดังได้รับความนิยมอย่างสูงทีเดียวในช่วงนั้น
Park Si Hoo เคยบอกกับนักข่าวในช่วงให้สัมภาษณ์่ว่า เขานั้นได้รับอิทธิพลอย่างมากมาจากพ่อของเขา พ่อที่รูปงาม เป็นอดึตนายแบบ และมีแม่ที่สวยมากคนหนึ่ง แถมยังมีน้องชายที่เล่นกีฬาเบสบอลได้อย่างยอดเยี่ยมมากอีกด้วย นั้นคือครอบครัวที่มีคุณภาพของเขา
ยิ่งไปกว่านั้น ในวันที่ 10 ธันวาคมปี 2012 ในรายการของ SBS ชื่อ " Healing camp " เขาได้กล่าวว่า " เนื่องจากว่าเขามักปรากฏตัวในบทของคนที่มาจากตระกูลที่ร่ำรวยระดับ Chaebol ถึง 2 เรื่องด้วยกัน และโดยความเป็นจริงแล้วเขานั้นเองก็มาจากครอบครัวที่มีฐานะที่มั่งคั่งครอบครัวหนึ่งเช่นกัน
Park Si Hoo ใช้่ช่วงชีวิตในวัยเด็กของเขาในเมือง Buyeo ตามแบบเด็กในครอบครัวที่มีอันจะกินครอบครัวหนึ่ง แต่เพื่อที่จะต้องการมาเป็นนักแสดงเขาจึงเดินทางเข้ามาที่กรุงโซล และได้พบกับประสพการณ์ชีวิตที่ยากลำบากในห้องพักเล็กๆแคบๆอยู่ตามลำพัง
Park Si Hoo เริ่มฉายแววความเป็นดาวของเขาในละคร " Prosecutor Princess "
Park Si Hoo เริ่มได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นก็มาจากงานในละครเรื่องนี้
จากชีวิตในงานละครเวทีที่มหาวิทยาลัยนั้น เขาก็เริ่มต้นต่อมาด้วยบทตัวประกอบเล็กๆ จนกว่าจะมาถึงการก้าวเป็นดาราอย่างเต็มตัวจากงานละคร TV เรื่อง " Prosecutor Princess "
กับบทบาทที่หลากหลายในมาดของทนาย Seo ซึ่งเขาได้แสดงบุคลิกที่ดูนิ่งๆแต่เต็มไปด้วยความคิดที่ลึกซึ้ง และกับบุคลิกที่ดูอ่อนโยนภายนอกแต่แข็งแกร่งอยู่ภายใน ด้วยบทบาทที่แตกต่างกันเหล่านั้น จึงทำให้เขาได้ทิ้งความประทับใจต่อผู้ชมไว้ได้อย่างมากมาย
Park Si Hoo แสดงในบทของหนุ่มซนๆ ที่คอยวนเวียนอยู่รอบๆตัว Ma Hye Ri ได้สร้างความน่าสนใจและจับใจผู้ชม จนต่างเริ่มที่จะมองเห็นดาวรุ่งดวงใหม่ของเกาหลีใต้กำลังเกิดขึ้นมาจนทำให้เขานั้นเริ่มได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นเป็นอย่างมาก
อัยการสาวที่ทำตัวราวกับเจ้าหญิง และ เพื่อนบ้านที่คอยตามดูแลเอาใจใส่เธออย่างไม่มีที่ติ รวมทั้งการแสดงอันสมบูรณ์แบบต่างๆที่ปรากฏออกมาทำให้เขาเริ่มมีภาพพจน์ของผู้ชายที่ดูสมบูรณ์แบบไปเสียหมด
และเรื่องนี้เป็นละครเรื่องแรกที่เขาเริ่มถูกตั้งชื่อต่างๆมากมาย ซึ่งแสดงถึง " การแสดงความรัก ความสนับสนุนที่อบอุ่นได้กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นแล้วในที่สุด "
กับบทในละคร Queen of Reversal : " ผู้ชายที่ผู้หญิงต้องการให้ท่า "
กับละครช่วงหน้าหนาวในปี 2010 ของวันจันทร์-อังคาร " ตำแหน่งอันดับที่หนึ่ง ได้ถูกทิ้งไว้ในช่วงท้ายของละครอย่างหลวมๆกับละครเรื่องนี้ " และจุดศูนย์กลางทั้งหมดก็มาจับอยู่ที่ Park Si Hoo "
ในละคร Prosecutor Princess เขาได้แฟนมากมายในวัย 20 ปีเศษๆ และในละคร Queen of Reverssals เขาก็ได้แฟนในวัยตั้งแต่ 40 ไปจนถึง 70 ปีเรียกว่าเป็นการเปิดขยายขอบเขตของแฟนๆของเขาให้กว้างขวางออกไป และผู้หญิงทุกเพศทุกวัยต่างก็รักเขากันอย่างมากมาย
ในละครเรื่องนี้เขาแสดงในบทของ Goo Yong Shik เขานั้นได้รับความรักจากแฟนๆผู้หญิงมากมายด้วยบทบาทการแสดงที่มีเสน่ห์จนมัดใจผู้หญิงที่หนักแน่นคนหนึ่งให้สั่นคลอนลงได้
Romeo & Juliet ในยุค Joseon กับละคร " The Princess's Man "
Park Si Hoo คือนักแสดงผู้เต็มไปด้วยความรักในการแสดงและไม่เคยรู้จักกับคำว่าเหน็ดเหนื่อยกับการแสดง จากละคร Prosecutor Princess มาประสพความสำเร็จต่อเนื่องด้วย Queen Of Reversals " และความหวังที่จะได้พักผ่อนก็ต้องหยุดลงด้วยการรับงานต่ออีกครั้งกับงานละคะร "The Princess' Man "
ความมั่นใจกับบทของ Kim Seung Yoo นี้เองเขาจึงตัดสินใจที่จะมีช่วงพักเพียงสั้นๆเท่านั้น เมื่อช่วงโอกาสมาถึงเขาย่อมเห็นมันมีความสำคัญกว่าการพักผ่อนเมื่อมีงานดีๆเข้ามา ดังนั้นเขาจึงรับโอกาสนี้เพื่ออนาคตของตัวเอง และกลับมารับงานแนวอิงประวัติศาสตร์เพื่อที่จะไม่ปล่อยโอกาสที่ดีให้หลุดลอยไป
ดังนั้นละครในช่วงวันพุธ และ พฤหัสของค่าย KBS2 เรื่อง " The Princess' Man " ซึ่งเป็นเรื่องราวความรักเชิงโศกนาฏกรรมในแบบ Romeo & Juliet จึงเกิดขึ้นท่ามกลางการแก่งแย่งราชบัลลังค์และการกำจัดศัตรูที่เป็นฝ่ายตรงข้ามให้หมดไป …
~ กรุณาติดตามตอนที่ 2 เป็นตอนต่อไป ….
Credit : news@wstarnews.com, thank you!
ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆจ้ะnikki...ยาวววววววววววววมากเจงๆๆ
ReplyDeleteมีความสุขเสมออออที่ได้อ่านเรื่องราวของพุชายคนนี้ และความรักก้อ+++++++++++++++++++++มหาศาลลลลลลลลลลลลลลู^_^
Me too และความรักของเก๊าก้อ++++++++++++++++++++เหมือนกันจ้า
Deleteยาวดีอ่านเพลินเลย
สวัสดี และ ขอบคุณคะ : นี้เป็น 1 ใน 5 เท่านั้นคะ โปรดรอต่อไปกว่าจะอ่านจบ หนัง scent เข้าโรงจนออกโรงไปแล้วนั่นแหละ^^
Delete