Scent

Scent

Friday, February 1, 2013

คำแปลบทสนทนาของ PSH ในรายการ Healing Camp ตอนที่ 3




ในที่สุดก็ได้ฤกษ์มาต่อให้จบกันเสียทีนะ ....
L = Lee เสื้อแดง
K = Kim เสื้อเขียว
H = พิธีการสาวคนเดียวของเรา
P = PSH

คำแปลนี้จะอยู่ในระหว่างช่วงนาทีที่ 37:19 - 54:37

L : คุณเกิดปีอะไร ?


P : อะไรนะ ?

L : คุณอายุเท่าไหร่ ?


P : อ้อ .. ผมอายุประมาณกลางๆ 30 



H : จริงๆแล้วคุณยังคงหนุ่มอยู่ แต่คุณดูเหมือนไม่ค่อยอยากจะพูดเกี่ยวกับเรื่องอายุของคุณเท่าไหร่

P : ไม่ใช่อย่างนั้น ผมเพียงต้องการจะรู้สึกหนุ่มกว่าอายุ

L : ทุกอย่างสามารถจะเช็คได้ใน Internet ไม่ว่าจะเป็นปีเกิด อายุ ...

P : แต่คนส่วนใหญ๋ไม่รู้ถ้าเขาไม่เช็ค

H : แล้วคุณรู้สึกว่าตัวเองยังหนุ่มอยู่หรือเปล่าหละ ?

P : คนบางคนพูดว่าผมดูเหมือนคนอายุ 20 ปลายๆ

L : เดาอายุเขาไม่ได้จริงๆถ้าจะดูจากหน้าตาของเขาอย่างนี้

P : เลิกพูดเกี่ยวกับมันแล้วกัน

L : เขาเป็นคนหน้าเด็ก

K : เพราะเขาไม่ดื่ม

P : ไม่นะ ผมดื่มหนึ่งแก้วต่อวัน ... นี้เป็นความสัตย์จริง

P : วันนี้ผมตื่นขึ้นมาประมาณ 6 โมงเช้า ผมมีเวลาอีกประมาณ  4 ชั่วโมง ก็เลยนอนเล่นอยู่บนเตียง และเมื่อถึงเวลาที่จะต้องเริ่มไปทำงาน ผมก็มักจะรู้สึกเหนื่อยมากๆ ดังนั้นผมก็เลยดื่มไวน์แดงไปครึ่งแก้ว แต่ผมกลับทำพลาดอย่างแรง -- เพราะผมหลับไปก่อนหน้านั้นแล้ว 5 ชั่วโมง แม่้หลังจากดื่มไปแล้ว ผมก็ไม่สามารถที่จะหลับต่อได้อีก นี้เป็นรายการโชว์ ซึ่งผมค่อนข้างจะประหม่า และ กังวลอยู่ หัวใจของผมรู้สึกเต้นแรงมากทีเดียว

H : บ้านเกิดของคุณอยู่ที่ไหน

H : คุณพูดว่าคุณกำลังรู้สึกตื่นเต้น คุณพูดมีสำเนียงด้วย

P : ไม่รู้ตอนนี้ผมพูดเป็นไงมั้ง

ในนาทีที่ 39:30 ก็มีฉากใน  CDDA ออกมา

เปลี่ยนมาคุยกันต่อข้างใน ( ทุกๆคนเปลี่ยนเสื้อผ้ากันหมด ยกเว้น Lee )




L : นี้คือส่ิงที่ PSH ขอ - เอามันออกอากาศไปเลย - ก่อไฟในอากาศที่หนาวเย็นอย่างนี้ สร้างบรรยากาศที่ดีมากๆ

P : ผมบอกว่าหวังว่าเราจะก่อไฟที่ข้างนอก

H : ฉันรู้สึกร้อนขึ้นมามากเลย

L : การที่จะเข้าใจใครสักคนได้ดี อย่างแรกก็คือคุณต้องรู้จักครอบครัวของเขา ครอบครัวของ PSH นั้นเป็นเจ้าของที่ดินมาร่วม 3 ชั่วอายุคนแล้ว ครอบครัวของคนที่มีฐานะ ครอบครัวที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในท้องถิ่นมาได้ 3 ชั่วคนแล้ว -- และเขาก็เป็นรุ่นที่ 3  มีคำกล่าวเอาไว้ว่า : ความมั่งคั่งไม่สามารถจะดำรงต่อไปได้ใน 3 ชั่วอายุคน

K : หมายถึงเขาก็เป็นรุ่นสุดท้ายสิใช่ไหม ?

L : คุณเป็นรุ่นที่ 3 ใช่ไหม ? นี้เป็นความจริงหรือเปล่า ?

P : เมื่อผมเป็นเด็ก ผมมักจะได้ยินคนที่หมู่บ้านพูดเช่นนั้นอยู่บ่อยๆ รถบัสจะเข้ามาในหมู่บ้าน เพียง 5 ครั้งต่อวัน ใช้เวลา 40 นาทีจาก Buyeo เพียงเพื่อที่จะมาสู่เมืองที่ถือว่าเป็นเมืองกับเขาจริงๆที่เรียกงว่า Ka Gong Li ในตัวเมือง Buyeo ในเขต Eunsan 

L : นั้นหมายถึงที่ที่เจ้าของที่ดินพักอาศัย ที่ทางช่างมากมาย ไปไม่ถึงถ้าไม่มีถนนเข้าไป

P : เมื่อปู่เลือกที่ๆจะสร้างบ้าน ( บ้านประจำตระกูล) เขามองหาที่ที่มีต้นพลัมขึ้นอยู่และดอกของมันจะตกลงบนดินตรงนั้น-- ประมาณ 1 กิโลเมตรห่างออกไปได้ ได้กล่าวกันว่าถ้าสร้างบ้านในที่นั่น ลูกหลานจะมีชื่อเสียงโด่งดัง




L : ดังนั้นนี้คือวันนี้ของ PSH

P : น้องชายของผมเป็นนักเบสบอลอาชีพ บางทีมันอาจจะหมายถึงเขาในช่วงนั้น ผมเคยคาดเอาไว้เช่นนั้น ... เขาเล่นได้เก่งมาก เขานั้นเป็นระดับมืออาชีพจริงๆ

H : คุณหน้าตาดีไหมสมัยเป็นเด็กๆ ?

P : ครับ ผมหน้าตาดีมากเลย มันก็ไม่ค่อยจะมีคนมากนักในหมู่บ้านของเรา  ( NK : 555 ตลกมากนะ PSH )

L : เขาก็เลยเป็นคนที่หล่อเป็นอันดับ 1 ในหมู่บ้านของเขาเลย

K : ครอบครัวของคุณเป็นที่รู้จักกันดีมากเลยสินะ ใช่ไหม ?

P : งานอดิเรกของปู่ของผมคือการล่าสัตว์บนหลังม้า

L : ถ้างานอดิเรกของปู่ของคุณคือการล่าสัตว์บนหลังม้า เขาก็คงไม่ได้ไปยืมม้าของใครสินะ  นั้นหมายความว่าเขามีม้าของเขาเองด้วย

P : ใช่ครับ

L : มีห้องทั้งหมดกี่ห้องในบ้านของคุณ ?

P : ดั้งเดิมนั้นมีหลายห้องด้วยกัน แต่มันถูกไฟไหม้ไปหมดแล้ว มันเป็นบ้านแบบ Hanok ( บ้านแบบโบราณของเกาหลี )  แต่เราก็ยังคงอาศัยอยู่ที่นั้น

นั้นคือที่ๆ PSH เกิดหรือ ?  มันยังคงตั้งอยู่หรือเปล่า ?

P : ตอนนี้เรือนที่อยู่ทั้ง 2 ข้างโดนไฟไหม้ไปหมดแล้ว มีเพียงหลังกลางเท่านั้นที่ยังคงเหลืออยู่

K : แล้วมีกี่ห้องกันหละกับเรือนหลังกลางที่ยังคงเหลืออยู่นี่ ?

P : ประมาณ 9 - 10 ห้อง

( มีภาพของ PSH ในวัยเด็กปรากฏขึ้นมา )




P : ผมเติบโตขึ้นมาตามชนบท ว่ิงจับกบ ตกปลา ว่ายน้ำ และขโมยผลแตงโม

K : ลูกคนรวยยังไปขโมยอีกหรือ ?

P : เมื่อผมเป็นเด็กๆ ครั้งหนึ่งเรากำลังย่างไก่กินกันอย่างเอร็ดอร่อย เพียงแต่ต่อมาผมถึงมาทราบว่าไก่่นั้นเป็นไก่ที่บ้านของเราเอง ( NK : ขโมยไก่ด้วย แต่มารู้ทีหลังว่ามันเป็นไก่ที่บ้านเขาเอง )

L : ได้ยินว่าพ่อของคุณสูง 186 ซม เขาเป็นนายแบบที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในช่วง ปี 60 - 70

( ภาพของพ่อเขาก็ปรากฏขึ้น )




P : เขาถ่ายโฆษณาในช่วง ปี 60 -70 และปรากฏตัวในหนังบ้าง

H : งานโฆษณาอะไรหรือ ? มีอะไรที่เรารู้จักไหม ?

P : เหล้า Soju โยเกิร์ต และอื่นๆ แล้วยังมีถ่ายกับ Kim Young Ae ด้วย -- ยังคงมีภาพของเขาอยู่บ้าง

( รูปภาพ ก็ถูกแสดงออกมา )




L : Kim Young Ae เป็นดาราสาวที่โด่งดังมากที่สุดในยุคนั้น

H : ทำไมเขาไม่ทำงานหนังต่อไป ?

P : เพราะเขาสูงเกินไป ไม่มีดาราสาวคนไหนจะคู่กับเขาได้

P : พ่อพูดว่า " เขาเลิกล้มความตั้งใจกับอาชีพของเขาเพราะแม่ของผม ที่ไม่สามารถจะทนถูกทารุณโดยผู้หญิงคนหนึ่งได้ แม่ต้องการที่จะกลับมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด

H : เพราะพ่อของคุณหล่อมากเกินไป

P : นั้นเป็นคำบอกของพ่อ

L : เพราะพ่อของคุณหล่อมากเกินไป มีผู้หญิงมากมายล้อมรอบตัวเขา แม่ของคุณก็เลยไม่สามารถรับมันได้และยืนยันที่ต้องการจะกลับไปอยู่ที่บ้านนอกแทน

P : หล่อมาก

K : พ่อนั้นดูจะมีขีดขั้นความหล่อสูงขึ้นมาอีกระดับหนึ่งนะ --- เขาดูดี พ่อของเขาเป็นคนหล่อมาก

P : พ่อของผมชอบพาพวกเราไปดูหนังตามโรง คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ไม่ไปดูหนังกันหรอก

L : ในสมัยนั้นตามหมู่บ้าน การไปเที่ยวตามเมืองเพื่อที่จะไปดูหนังสักเรื่องถือเป็นเรื่องใหญ่

P : ผมจำได้ว่าไปดู 007 .. เมื่อผมอายุได้เพียง 6 -7 ขวบ ผมยังจำสาวๆของเจมส์ บอนส์ ได้อยู่เลย

H : เพราะพ่อของคุณ ทำให้คุณฝันอยากเป็นนักแสดง

P : มันก็มีความเป็นไปได้อยู่

L : เพื่อเป็นการสร้างฝันในการเป็นนักแสดง โดยการดูหนังของผู้ใหญ่ .....

P : ไม่ใช่หนังผู้ใหญ่ มันคือ 007 ในเวลานั้นผมเป็นคนที่ขี้อายมากๆและเป็นเด็กที่เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ค่อยแสดงออก ผมเองก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมผมถึงเข้ามาสู่เส้นทางของการเป็นนักแสดงคนหนึ่งกับเขาได้

K : ขึ้อาย และ ไม่มีคุณสมบัติเพรียบพร้อม แต่คุณก็กลายมาเป็นนักแสดงคนหนึ่ง มันเป็นเพราะหน้าตากของคุณหรือเปล่า ?

L : แต่ครอบครัวของคุณมีฐานะที่ร่ำรวยมาก ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้ามาในกรุงโซล ทำไมจึงเข้ามา ?

P : ลูกผู้ชายจะต้องออกมาสู่โลกกว้างเพื่อมองหาความสำเร็จในชีิวิตของเขาเอง ผมต้องการที่จะประสพความสำเร็จด้วยตัวของผมเอง ครั้งหนึ่งผมได้พบกับเพื่อนที่ป้ายรถเมล์ ซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเรียน ม.ต้นกันมา เขาบอกผมว่าเขากำลังจะเข้าไปทำงานที่โซลและมีที่พักให้เสร็จเรียบร้อย เขาจึงชวนผมไปโซลกับเขา และบอกว่าเขาสามารถที่จะหางานให้ผมทำได้พร้อมที่พักและอาหารให้เสร็จสรรพมันล่อใจผมมาก ดังนั้นผมจึงมาที่โซลโดยไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย ผมพบกับเพื่อนที่ร้านคาเฟ่แห่งหนึ่ง เขาพูดว่า " กวางน้อยที่กระหายน้ำไม่เคยพลาดในการมองหาบ่อน้ำ " เขาพูดว่าเขาจะพาผมไปที่แห่งหนึ่งแต่เขาไม่ได้บอกว่าเป็นที่ไหน แต่เมื่อเราไปถึงที่นั้นแล้วผมจึงค้นพบว่ามันคือธุรกิจต้มตุ๋นหลอกลวงชาวบ้าน ผมจึงหลบออกมาจากหลังร้านโดยทันที

P : ผมไม่อะไรติดตัวมาเลยกับผม ผมมีเพื่อนอีกคนผู้ซึ่งกำลังจะไปเร่ิมเข้าเกณฑ์ทหาร เขาบอกว่าผมสามารถพักอยู่ที่บ้านของเขาได้ก่อนที่มันจะถูกคนอื่นเช่าไปเสียก่อน ดังนั้นผมจึงรีบไปอยู่ที่นั่นในทันที ผมยังคงขอบคุณเพื่อนคนนั้นอย่างมาก แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ 1 อาทิตย์ก็ตาม

P : และต่อจากนั้นผมก็ไม่มีที่ไปอีกครั้งหนึ่ง ลุงคนหนึ่งกำลังเปิดกิจการสถานออกกำลังกายอยู่และยอมให้ผมอาศัยอยู่ที่นั่น ที่แห่งนั้นมีห้องใต้ถุน กับทางเดินแคบๆที่นำไปสู่ด้านล่างซึ่งเป็นที่เก็บของพวกขวดน้ำดื่มต่างๆ ( มีภาพแสดง) ผมก็เลยอาศัยอยู่ที่นั่น




P : ในเวลานั้นผมก็เริ่มไปทำงานอยู่ที่กับกลุ่มที่โรงละครแล้ว เมื่อผมกลับมาในตอนค่ำๆผมก็จะออกกำลังกายเสมอ แต่ก็ไม่สามารถที่จะหลับได้ดีเท่าไหร่ ทุกๆเช้าประมาณตี 5 ลุงก็จะมาเคาะประตูเรียก ผมก็จะต้องลุกไปเปิดประตูให้เขา เตรียมเปิดเพลง ( เพื่อใช้ในโรงยิม ) และตระเตรียมอุปกรณ์ต่างๆให้พร้อม ผมจะมีเวลาเพียงแค่ 2-3 ชมในการนอนแทบทุกคืน น้ำหนักผมลดลงไปจนไม่ถึง 60 กำโลด้วยซ้ำ ความหวังของผมคือจะให้ตัวเองพอมีเนื้อหนังมากขึ้น และมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาบ้าง

L : มีอย่างหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจ ทำไมคุณไม่ขอความช่วยเหลือจากพ่อ-แม่ของคุณ ?

P : ผมไม่ต้องการ ผมต้องการที่จะประสพความสำเร็จด้วยตัวของผมเอง

L : มาดูรูปหมู่บ้านของเขากัน และ มาดูรูปบ้านของเขาว่ามันใหญ่แค่ไหน

K : มันคงใหญ่โต มีห้องถึง 9 ห้อง ?

P : มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ห้องรับแขกเท่านั้นที่ใหญ่มากๆ ผมชอบที่นั่นมากๆเพราะเวลาที่เรายังเด็กอยู่ เราสามารถที่จะกางเต็นท์และเล่นซ่อนหากันได้เลย

P : คุณมีภาพบ้านของคุณไหม ?

P : คุณคิดว่าผมกำลังโกหกคุณหรือ ?

( ภาพบ้านของเขาจึงปรากฏขึ้น ซึ่งถ่ายภาพโดยพ่อของเขาเอง )




P : แรกๆผมก็ไม่ทราบอะไรเลย ผมเร่ิมต้นจากงานละครเวที --ในมหาวิทยาลัย ผมเริ่มด้วยการไปแปะภาพ  Poster และแจกใบปลิว

L : คิดว่าช่วงเวลาที่คุณอยู่กับละครเวทีที่มหาวิทยาลัยได้มีส่วนช่วยคุณบ้างไหมกับงานอาชีพการแสดงของคุณในเวลาต่อมา? ตัวอย่างเข่น การเรียนรู้ในทักษะการแสดง การสร้างภาพพจน์ในฐานะนักแสดงคนหนึ่ง เป็นต้น

P ; ผมทำงานหนักมาก มีผู้กำกับคนหนึ่งได้กล่าวว่าบทตัวนำตัวนี้เหมาะมากสำหรับผม ผมไม่ทราบว่าเป็นเพราะผมดูดีหรือเปล่า โอกาสกำลังเคาะประตูเรียกแล้ว Double cast ( ในละครเวทีต้องมีนักแสดง 2 คนแสดงในบทเดียวกัน เพื่อสลับกันเล่น ) ตัวนำหลักทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงได้ตัวกันไปเรียบร้อยแล้ว ผมเพิ่งมาอยู่กับพวกเขาได้เพียงแค่ 4 เดือนเท่านั้น ผมก็เข้ามาสู่งานแสดงได้ครึ่งทางเข้าไปแล้ว

L : อย่างนี้คุณก็ได้เล่นเป็นตัวนำสิ

P : ครับ

L : ละครขื่อเรื่องอะไร ?

P : มันถึงข่วงที่กำลังจะนำออกฉายรอบแรกแล้ว เวลาที่จะต้องออกทำการแจกใบปลิวไปตามที่สาธารณะต่างๆ ในที่สุดหน้าของผมจะได้ปรากฏในภาพกับเขาเสียที ผมนั้นเต็มไปด้วยความคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยม ผมได้เป็นตัวนำ ใช่ไหมหละ? ผมก็เลยเปิดสมุดคู่มือการชมละครออกดู อุ๊ป! ขื่อของผมไม่ได้อยู่ที่รายชื่อของนักแสดง มันกลับไปอยู่ที่ด้านหลัง? ไม่นะ อยู่ตรงที่หน้าที่ 3 รวมอยู่กับพนักงานทั่วๆไปผมเห็นรูปของผมแล้ว เป็นไปได้อย่างไร ? นี้เพราะผมมาร่วมกับเขาไม่ถึงครึ่งปีหรืออย่างไร ? ผมนั้นสะเทือนใจมากเป็นที่สุด ผมไม่รู้ว่าจะคิดอย่างไร ผมวิ่งไปนั่งที่สวนสาธารณะในทันที นั่งอยู่อย่างนั้นประมารณ 20 -30 นาที ได้แต่จ้องอยู่ที่สมุดคู่มืออยู่อย่างนั้น คอยคิดแต่ว่าผมควรจะกลับบ้านไปเสียเลยดีไหมและลืมทุกสิ่งทุกอย่างให้หมด แต่นี้มันใกล้จะถึงเวลาที่การแสดงจะเริ่มแล้ว แต่เพราะมันเป็น Double cast  ( ทีมนักแสดง 2 ชุด) วันนั้นมันเป็นของอีกกลุ่มหนึ่งที่จะต้องแสดงและผมมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องของการให้แสง ถ้าผมไม่ทำมัน มันก็จะไม่มีแสงไฟ ดังนั้นผมจึงกลับไปที่โรงหนัง

P : เมื่อการแสดงสิ้นสุดลง ผมได้กลับไปที่ห้องเล็กๆของผมที่สถานออกกำลังกายแห่งนั้น ผมรู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นคนที่ช่างเคราะห์ร้ายเหลือเกิน มันมืดแปดด้านไปหมด ผมไม่รู้จักใครเลย ผมมาที่โซลด้วยมือเปล่าๆ ผมรู้สึกทั้งเหงาว้าเหว่ และเสียใจมากๆ ดังนั้นในชั่วขณะนั้นเองผมก็เลยตัดสินใจครั้งสำคัญ

P : ผมใช้โทรศัพท์ของที่ศูนย์โทรทางไกลไปที่บ้าน ( NK : นั้นเป็นวิธีเก่าๆดั้งเดิมก่อนมี cellphone ที่เราต้องโทรผ่านศูนย์เพื่อที่จะโทรทางไกลไหต่างจังหวัด ) ผมรู้สึกว้าเหว่มากจริงๆ ผมจึงโทรเข้าไปหาแม่ ในทันทีที่ได้ยินเสียงแม่เท่านั้นน้ำตาของผมก็ไหลออกมาแบบชนิดหยุดไม่ได้เอาเลย ตามองดูห้องเล็กๆแคบๆตรงหน้าและพูดกับแม่ไปด้วย ผมอยากให้แม่ปลอบโยนผมแต่แม่กลับพูดว่า " ถ้ามันยากลำบากนักที่ Seoul แล้วจะทนอยู่ที่นั่นไปทำไม ? กลับมาบ้านเดี๋ยวนี้เลย! " แม่ของผมไม่ทราบว่าอะไรเกิดขึ้น เธอคิดว่าผมกำลังไปได้ดี ผมถามแม่ว่า" แม่ ผมกำลังรู้สึกสิ้นหวัง และ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ผมถึงได้โทรมาหาแม่  ทำไมแม่ต้องมาดุผม ? "


กรุณาต่อตอนที่ 4 ซึ่งเป็นตอนจบ


14 comments:

  1. ขอบคุณนะจ้ะนิกกี้ อ่านแล้วสงสารเขามากเลย ตอนนั้นคงลำบากน่าดู แต่บ้านประจำตระกูลใหญ่มากเลย ขนาดถูกไฟไหม้ไปแล้วนะ ยังเหลือห้องอีกตั้ง 9-10 ห้อง โอ้วววสุดยอด เอาไว้ถ้าเราไปเกาหลีไปตามรอย sihoo เราไปพักที่บ้านเค้าดีมั้ย อิอิ

    ReplyDelete
    Replies
    1. จ๊ะๆ ให้ Mint เป็นด่านหน้า เข้าไปถามน้องชายเขาก่อนเลยนะ นิกกี้จะเป็นกองหนุนอยู่ห่างๆเอง ^^

      Delete
    2. คุยกะแม่เค้าดีกว่ามั้ยคะ คุยกะน้องชายเค้าแล้วเสียวๆ ถึงจะเป็นกองหนุนก้อเถอะ

      Delete
  2. เป็นหนุ่มขี้อ้อนจริงๆ กะอ้อนแม่แต่กลับโดนดุ 5555

    นี้นิกกี้ตอนเป็นเด็กไม่เคยไปขโมยผลไม้ของเพื่อนบ้านเลยรึ มันตื่นเต้นดีนะตอนเจ้าของสวนมาเห็นแล้วเราต้องใส่เกียร์สนุขโกยแน่บกันนะ

    ReplyDelete
  3. นิกกี้เติบโตในกรุงเทพคะ แต่จำได้ว่าเวลาที่ไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด สวนแต่ละแห่งมันไม่มีรั้วกั้นใช่ไหม ญาติๆก็หลอกนิกกี้ว่าเข้าไปเก็บเถอะ ผลไม้ที่ร่วงๆอยู่ตามพื้นเจ้าของเขาไม่หวงหรอก เราก็ความที่อยากทานผลไม้สวน ( มันอร่อยกว่าจริงๆนะ ) ก็เลยว่าตามเขาไป สักพักได้ยินเสียงเจ้าของสวน เอะอะโวยวายขึ้นมา โอ๊ยกลัวเสียแทบตาย ไม่กล้าอีกเลย เรียกว่าปอดแหกนับแต่นั้นเป็นต้นมา เด็กกรุงไปบ้านนอกก็เซ่อซ่าไปเหมือนกัน 555

    ReplyDelete
  4. ยังดีที่เก็บตามพื้นยังวิ่งทันไม่เหนื่อยแต่ของ csi ตอนเพื่อนตะโกนบอกนะยังอยู่บนต้นอยู่เลยนึกภาพเอาแล้วกัน ต้องกระโดดลงจากต้นกันเลยดีที่ไม่สูงมาก ก็ตอนนั้นยังเด็กนี่นา
    ก็ทำอะไรสนุกๆไปวันๆ 555

    ReplyDelete
  5. อยากกลับเป็นเด็กอีกนะ ไม่ต้องคิดอะไรมาก สนุกไปวันๆ

    เอาหละคะ ได้เวลาของนิกกี้แล้วจำเป็นต้องขอตัวก่อน แล้วเจอกันคืนนี้นะคะ กับ " Where is Park Si Hoo ? " ~~^^

    ReplyDelete
    Replies
    1. จ้าฝันดีนะคะนิกกี้ คืนนี้ต้องแข่งดำน้ำักับใครบ้างหละเนี่ย

      Delete
  6. ที่เราชื่นชมเค้ามากๆ นอกจากหน้าตา รอยยิ้ม และฝีมือทางการแสดงแล้ว ก็เป็นเรื่องความอดทนมุมานะ ไม่ยอมแพ้ของเค้านี่แหละ ทำให้เค้าเป็นคนที่มีคุณค่าจริงๆ

    ReplyDelete
  7. เราสิโดนหนักเลย ไปขโมยปีนเก็บมะขามของเพื่อนบ้าน ไปกับเพื่อน ก็ปีนกันไปคนละกิ่ง ยังไม่ทันจะได้เก็บมะขามเลย ร้องไห้งอแงเรียกเพื่อนกลับบ้าน พอลงมาถึงพื้น เพื่อนต๊กกะใจ เธอเป็นอะไรของเธอ ทำไมหน้าตาเหยเกอย่างนั้นล่ะ? ไอ้เราก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่นั่นแหละ ก็มันปวดไปทั้งตัวเลยนี่นา จะอะไรซะอีกคะ "โดนแตนรุมต่อยน่ะสิคะ" ทุกวันนี้ถ้าเห็นสัตว์ประเภท แตน ผึ้ง ต่อ อะไรประมาณนี้จะหลอนมากๆ เลยค่ะ เฮ้อ! เวรกรรมจริงๆ ค่ะ

    ReplyDelete
  8. PSH ตอนเด็กๆหน้าเหมือนเด็กผู้หญิงเลยอ่ะ น่ารักจัง

    ReplyDelete
    Replies
    1. พิมพ์แม่มาเลยน่ะนั่น ไม่ต้อง copy right ก็รู้ว่าลูกใคร

      Delete
  9. This comment has been removed by the author.

    ReplyDelete
  10. This comment has been removed by a blog administrator.

    ReplyDelete