Scent

Scent

Sunday, August 5, 2012

PSH ใน Elle ฉบับเดือน พฤศจิกายน 2007

ได้เคยนำบทสัมภาษณ์ของ PSH ใน Elle ฉบับปี 2008 มาให้อ่านกันเมื่อไม่นานมานี้ ก่อนที่จะมาค้นพบว่าเขาเคยให้สัมภาษณ์นิตยสารนี้เมื่อปี 2007 งวดนี้จึงจะพาพวกเรามาอ่านย้อนเวลากับบทสัมภาษณ์ครั้งแรกของเขากับ Elle ดู ซึ่งเป็นช่วงที่เขาเพิ่งเสร็จสิ้นงานละคร How to meet a perfect neighbor ไป



นิตยสาร Elle girl: ฉบับเดือน พฤศจิกายน 2007

ถ่ายภาพโดย Kim Yong Sik

Park Si Hoo : ชายหนุ่มที่นุ่มละไมในภาพลักษณ์อันคมเข้ม


วันหนึ่งอย่างฉับพลับ Park Si Hoo ก็ได้กลายมาเป็นหัวข้อหลักของสาวๆมากมาย ภาพที่ปรากฏออกมาทาง Internet ของเขาในชุดว่ายน้ำได้ถูกเผยแพร่ใน Website ต่างๆทั่วไปหมด หรือ ละครที่มีเขาปรากฏอยู่ก็จะถูก Download กันเป็นขนานใหญ่ แต่คำพูดที่ออกมาจากเขาแท้ๆย่อมดีกว่าคำพูดที่ได้ยินผ่าน Internet นับร้อยนับพัน เกี่ยวกับการค้นพบครั้งใหม่ของ Park Si Hoo และทำอย่างไรที่จะได้เป็น " เพื่อนบ้านที่สมบูรณ์แบบกับ Park Si Hoo ( เป็นการเล่นคำกับละครเรื่องล่าสุดของเขา " How to meet a perfect Neighbor " )

ผมไม่รู้สึกแปลกใจเลยกับคำพูดของเขาเกี่ยวกับชึวิตที่ต้องอดทนกว่า 10 ปี ก่อนที่จะมีโอกาสเข้ามาในวงการแสดงอย่างแท้จริงในวันนี้ เพราะอุปนิสัยที่ดีงาม กับความจริงใจของเขาที่แสดงให้เราได้เห็นตลอดการให้สัมภาษณ์ในครั้งนี้ ซึ่งแตกต่างจากพวกนักแสดงที่กลายมาเป็นดาราในช่วงเวลาข้ามคืน ที่มีจิตใจ ความคิดแคบๆ ตื้นๆทั่วไป ดังที่เขาได้พูดถึงตัวของเขาเองว่า " ผมพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ในเวลานี้ กับการที่ได้ก้าวเข้ามาอยู่ในตำแหน่งนักแสดงคนหนึ่งเช่นนี้ " เขาดูแลและเอาใจใส่กับคนรอบๆตัวเขา ทำตัวง่ายๆเป็นกันเอง เขาช่วยสร้างบรรยากาศที่ราบรื่นให้กับทีมงานในกองถ่าย การรู้จักกลั่นกรองตัวของเขาเองนั้นได้ถูกทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยธรรมชาติอยู่นับครั้งไม่ถ้วน จากขั้นตอนชีวิตของเขาที่ต้องอดทนอดกลั้นกับทุกก้าวย่างอย่างช้าๆแต่มั่นคง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไม่สั้นเลยกับความยากลำบากและการต่อสู้ที่ผ่านมา



เหตุผลว่าทำไมเรา นิตยสาร " Elle Girl " ตัดสินใจเลือกที่จะสัมภาษณ์ Park Si Hoo นั้น แน่นอนอยู่แล้ว คงต้องสืบเนื่องมาจากละคร " How to Meet a perfect Neighbor " นั้นเอง เรื่องราวความรักที่น่ารักของ Yoo Joon Suk นั้นเรียกความสนใจอย่างมากในสายตาของเรา ในตอนแรกที่ละครได้ทำการออกอากาศและรอให้ตัวละครต่างๆเริ่มเข้าที่เข้าทางกับบทของพวกเขาอยู่นั้น ในเวลาต่อมา ก็มีใครคนหนึ่ง .. ผู้ชายที่ช่างหล่อเหลา คมสันคนหนึ่งก็ได้เดินทางกลับมาถึง ...

ในท่ามกลางตัวละครมากมายที่ดูราวกับกลุ่มตัวตลกกลุ่มหนึ่ง บ้างก็ดูงุ่มง่าม เงอะงะ และ ห่างไกลจากความน่าสนใจ กำลังคิดอยู่ว่าสักวันหนึ่งจะมีอะไรที่ปรากฏออกมาให้แตกต่างออกไปจากสิ่งเหล่านี้ไหม ? และอยู่ๆก็มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น อะไรที่เนี้ยบ เรียบแปร้ สะอาดตา ไม่แม้แต่เส้นผมสักเส้นกระดิกออกมา ทำให้เราเริ่มเพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ผู้ชายคนนั้น ใครคนหนึ่งที่เป็นผู้สร้างบุคลิกของตัวละครตัวนั้นขึ้นมาด้วยตัวของเขาเอง ใครที่มักชอบพูดคำว่า " แล้วยังไง "

Park Si Hoo กล่าวว่า " ผมคงต้องยอมรับว่าผมมีความหวังกับละครเรื่องนี้มากอยู่ เมื่อถูกทาบทามให้มาแสดงในละคร ผมได้อ่านบทละครและพบว่าตัวเองได้รับการมอบหมายให้แสดงในบทที่มีความสำคัญกว่าบทอื่นๆที่ผมเคยแสดงมาในอดีต ยิ่งไปกว่านั้น อารมณ์และบุคลิกที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงของ Yoo Joon Suk ไปตามช่วงของเวลาจนไปสู่ช่วงหลังนั้นดูมีเสน่ห์และน่าสนใจมากๆในความคิดของผม ผมบอกกับตัวเองว่า ลองมาเล่นเป็นคนจิตใจคับแคบดูบ้างคราวนี้ ถ้าผมทำมันได้ดีพอ อะไรๆก็อาจจะออกมาไม่เลวทีเดียว ... "

ความฝันของนักแสดงทุกคนนั้น อย่างน้อยก็ขอให้มีงานดีๆสักเรื่อง เพื่อที่จะให้เป็นผลงานตัวแทนของพวกเขา สำหรับ Park Si Hoo คงจะก้าวไปถึงความฝันนั้นเรียบร้อยไปแล้วตอนนี้ หรืออาจจะเรียกได้ว่าฝันนั้นได้มาถึงเขาเรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำไป

สถานภาพหนึ่งที่ตามติดเขามาพร้อมกับงาน 4  เรื่องจนถึงปัจจุบันก็คือเขามักได้แสดงบทของบุตรชายจากตระกูลที่ร่ำรวยหรือครอบครัวที่ดีๆ บุคลิกของหนุ่มจากตระกูลที่มีฐานะ ชายที่ไร้ที่ติ ดูจะไปกันได้ดีกับบุคลิกของเขาจริงๆ มันน่าประหลาดใจอยู่ไหมที่เกิดขึ้นบ่อยๆอย่างนี้

Park Si Hoo กล่าวว่า " จวบจนกระทั่งผมอายุได้ 20 ปี ผมมีชีวิตอยู่ในชนบทมาโดยตลอด หลังจากนั้น ผมก็มาได้รับรู้ และ เข้าใจกับความเจ็บปวดมากมายเมื่อได้มาอาศัยอยู่ในกรุงโซล  ผมถึงกับมีที่พักอยู่ใต้บันไดในโรงยิมแห่งหนึ่ง มีช่วงเวลาหลายต่อหลายครั้งด้วยกันที่ผมได้รู้จักกับความหิวโหย ผมคิดอยู่หลายครั้งว่าถ้าผมเพียงเลิกล่มกับมันไปซะแล้วกลับบ้านไป

ถ้าปราศจากจิตใจที่ไม่เคยยอมแพ้ของผม ที่ไม่ต้องการทึ่จะกลับไปอยู่ในความช่วยเหลือของพ่อ-แม่อีกต่อไป ผมก็คิดว่าผมคงจะไม่ได้มายืนอยู่ตรงนึ้ เป็นผมอย่างที่เป็นอยู่ในเวลานี้ บางทีมันคงต้องเป็นไปเช่นนั้นเพื่อให้ผมมาเป็นผมเช่นนี้ "

PSH เป็นคนที่ปากกับใจตรงกัน กิริยาการพูดที่ตรงไปตรงมาของเขาโดยปราศจากการควบคุมหรือระมัดระวังตัวในช่วงการให้สัมภาษณ์นั้นสร้างคำถามขึ้นมาในใจของผมในเวลาต่อมา  นี้เป็นการพูดตามบทที่เขียนเอาไว่้ หรือ เป็นการพูดคุยเป็นการส่วนตัวกันแน่ ? แต่จากการสรุปของผมเองก็คือ เขาเป็นคนที่ไม่รู้จักที่จะพูดจาในแบบอ้อมค้อม หรือ พยายามซ่อนเร้นปกปิดอะไร เขาเพียงแต่บอกกับคุณถึงโลกที่เขามองเห็นด้วยสายตาที่ตรงไปตรงมาของเขาเอง โดยปราศจากการพยายามที่จะบิดเบือนหรือเลี้ยวโค้งไปไหนๆ แม้จะมีชีวิตอยู่ในวงการบันเทิงเช่นนี้มากกว่า 10 ปีแล้วก็ตาม  เขาชอบการไต่เขา และออกกำลังกายเมื่อไหร่ก็ตามที่เขามีเวลาว่าง แม้แต่ระหว่างพักทานอาหาร ผมเดาว่าบางครั้งการเปิดเผยชีวิตส่วนตัวของเขาออกมามากเกินไปเช่นนี้ อาจจะทำให้เขาพลาดพลั้งกับมันได้ในบางครั้ง

ถึงแม้ว่ามันคงจะให้ผลประโยชน์กับนักแสดงเองที่จะรู้จักพูดจาอะไรในลักษณะอ้อมๆไม่ตรงจุด หรือรู้จักที่จะเติมแต่งเรื่องราวเข้าไปให้น่าสนใจมากขึ้น  แต่อะไรที่เขาต้องการในขณะนี้นั้นไม่ใช่คำพูดที่เคลือบไว้ด้วยน้ำตาล และตอนนี้มันก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ยังมีหลายสิ่งมากมายที่รอคอยเขาอยู่เบื้องหน้า การสัมภาษณ์ครั้งนี้ได้มาถึงช่วงสุดท้ายของเวลาแล้ว โดยไม่สนใจกับผู้จัดการของเขาที่คอยจี้คอยบอกเขาให้เตรียมตัวกับการนัดหมายลำดับต่อไป PSH กลับเป็นผู้นำการสัมภาษณ์ครั้งนี้ออกมาในรูปของการสนทนาที่น่ารื่นรมณ์ ง่ายๆ สบายๆ ไม่มีอาการรีบร้อนแต่อย่างใด

Park Si Hoo พูดส่งท้ายว่า " ดีกว่าการโต้ตอบทาง email ผมชอบที่จะพูดคุยกันโดยตรงอย่างนี้มากกว่า ทำไมเราไม่คุยกันไปเรื่อยๆหละ ?  แม้จนถึงฉากสุดท้าย เขาก็ยังไม่ยอมใช้การพูดที่อ้อมค้อม หรือ เสแร้ง กับเรา

~ ต้องเอามาลงเสียหน่อย เดี๋ยวแฟนชาวไทยจะไม่ทราบว่าเขาพูดถึงภาพอะไรกัน ~
นี้คือภาพถ่ายของ PSH ที่เขาพูดถึงกันทาง Internet
ถ่ายไว้ในปี 2006 ชื่อ

 " Life is Beautiful "





credit : www.parksihoo.com

4 comments:

  1. OHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHH
    Life is beautiful จริงๆ ^^
    เห็นแล้วเจริญหูเจริญตา เจริญอาหารด้วย 555

    ReplyDelete
  2. จ๊ะ จ๊ะ beautiful มากเลย แต่ post นี้ มีบทสัมภาษณ์ด้วยนะจ๊ะ พอละสายตาอ่านบทสัมภาษณ์ไหวไหมนี้^^

    ReplyDelete
  3. อ่านไหวจ้า ก็เพราะนิกกี้เอาบทสัมภาษณ์ไว้ข้างบนก่อนนะสิ
    ไล่อ่านลงมาถึงได้พบภาพสวยๆงามๆทีหลัง

    ถ้าเอาภาพขึ้นก่อนคงอ่านไม่รู้เรื่องแล้ววววว^^

    ReplyDelete
  4. ของดีต้องเอาไว้ทีหลังอยู่แล้ว 555

    ReplyDelete