~ ผมชื่อ .. Park Si Hoo ชื่อจริงของผมคือ Park Pyeong Ho
~ ชื่อ Park Si Hoo ของผม ... ได้เริ่มใช้มาในราวปี 2003 โดยผู้นำสวดที่หมู่บ้านเป็นผู้ตั้งให้ ความหมายของ " Si " คือ มีเมตตาต่อผู้ยากไร้ และ " Hoo" คือ มีจิตใจที่อบอุ่น ลึกซึ้ง ในบางครั้ง บริษัทของผมจะเรียกชื่อผมในอีกความหมายหนึ่งที่ว่า " Si " = ในที่สุด " และ " Hu " = ราชา ( PSH ก็ยิ้มอย่างชอบใจ )
~ วันเกิดของผม ... 3 เมษายน 1978 ราศี กุมภ์
~ กลุ่มเลือด : กรุ๊ป B จริงๆเลย ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงมักหลีกเลี่ยงผู้ชายเลือด กรุ๊ป B กัน เพื่อนรุ่นพี่ของผมที่ผมรู้จักถึงกับปิดบังกรุ๊ปเลือดของเขาทุกครั้งที่มีการพูดคุยกัน ( ยิ้มอีก ) ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ดูดีคนหนึ่งทีเดียว
~ สถานที่เกิดของผม ... ที่กรุงโซล ครับ แต่ในทันทีที่ผมเกิดครอบครัวของผมก็ย้ายกลับไปอยู่ที่จังหวัด Buyeo Chuncheong และผมก็เติบโตที่นั่นมาตลอด เมืองนี้อยู่ติดกับแม่น้ำ Geum , แม่น้ำ Baekma , ต้น Thousand court ladies (นางข้าหลวงหนึ่งพันคน : คงจะเป็นแนวป่า หรือเขาอะไรสักอย่างไม่แน่ใจ ) ห้องเรียนของผมมีนักเรียนเพียง 10 คน หลังเลิกเรียน ผมจะออกไปจับกบกัน และว่ายน้ำที่ลำธาร นี้คือชีวิตวัยเด็กของผม ดังนั้นเพื่อนๆตั้งแต่สมัยเด็กๆของผมมักจะล้อผมอยู่เสมอว่า " เด็กบ้านนอกไปเล่นเป็นผู้บริหารในบริษัทธุรกิจยักษ์ใหญ่ "
นี้คือภาพจังหวัด Chuncheong ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเกาหลี
โดยหมู่บ้าน Buyeo ( จุดแดง ) ของ PSH เป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดนี้
~ งานแสดงชุดแรกของผมคือในปี 1997 ... ที่โรงละคร Yisangpa ในเมืองเล็กๆชื่อ Daehak Ro เมื่อผมอายุได้ 20 ปี ในช่วงที่ผมกำลังใฝ่ฝันที่จะได้เข้ามาร่วมอยู่ในงานการแสดง ผมมาที่กรุงโซลแบบไม่มีจุดหมายปลายทางเลย
~ วิชาเอกของผมคือ ... การศึกษาเกี่ยวกับการบริหารงานชุมชน (คงจะคล้ายๆ รัฐศาสตร์ บ้านเรา) และผมก็เป็นสมาชิกของกลุ่มละครเวทีของมหาวิทยาลัยด้วย
~ เลขปีที่ผมเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยคือ (95 ... ผมเข้ามาเรียนค่อนข้างเร็ว และผมเป็นหนึ่งในเด็กยุคที่ติดละคร " Stars in my Heart " คนหนึ่ง ( ยิ้มอีก)
ละครเรื่อง Stars in my heart สร้างชึ้นในปี 1997 ตัวเอกของเรื่อง " Ahn Jae Wook "
โด่งดังขึ้นมาอย่างมากจากการรับบทเป็นนักร้องที่มาจากครอบครัวนักธุรกิจที่มั่งคั่ง
แม้พ่อของเขาจะไม่เห็นด้วยกับการที่เขาต้องการมาเป็นศิลปินแทนที่จะมาจับงานธุรกิจอย่างที่ควรจะเป็น
~ พ่อของผม ... เคยทำงานอยู่ในวงการบันเทิงมาก่อน เช่น เป็นนายแบบโฆษณา และ นายแบบถ่ายเสื้อผ้า อย่างที่ผมเคยพูดเอาไว้แล้วว่าผมเอาตัวเองเข้ามาอยู่ในวังวนเดียวกับพ่อของผมเช่นกัน เขาเคยพูดคำที่เจ็บๆใส่ผมว่า " เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย...ที่คนอย่างผมจะอยากไปเป็นอะไรอย่างนั้น ( ไปเป็นนักแสดง) " ( เขายิ้ม) แต่ตอนนี้พ่อของเขากลับมาเป็นคนที่ให้กำลังใจและเฝ้าติดตามงานของเขาอย่างใกล้ชิดไปแล้ว
~ ชีวิตในเมืองหลวง ... แม่ของผมลำบากมากครับ ที่ต้องคอยดูแลลูกชายทั้งสองคนของแม่ น้องชายของผมเป็นนักเบสบอลมืออาชีพเพิ่งเสร็จสิ้นจากการเกณฑ์ทหารไม่นานมานี้ เขาจะกลับไปเล่นเบสบอลต่อในเดือนกันยายนนี้ เพราะเขารู้เรื่องการนวดตัวอย่างดีซึ่งเป็นวิชาโทของเขา เขาจึงมักนวดตัวให้ผมเพื่อเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อก่อนที่ผมจะออกไปถ่ายละคร ครอบครัวของผมทุกคนต่างคาดกันว่าน้องชายของผมจะประสพความสำเร็จยิ่งกว่าผม ( ยิ้ม )
~ ผมออกกำลังกายอย่างหนักในช่วงเวลาปรกติของผม ... ผมชอบไป fitness เรียนโยคะ และฝึกการหายใจผ่านหน้าท้อง ผมไม่ค่อยได้ออกกำลังมากนักช่วงนี้เพราะงานยุ่งมากๆ นอกจากนั้น ผมชอบไปโรงหนังตามลำพังในช่วงเช้าๆเพื่อจะได้ดูหนังอย่างเงียบๆ
~ ครั้งหนึ่งผมเคยใช้โรงยิมเป็นที่พักอาศัย ... เพราะเพื่อนที่ผมอาศัยอยู่กับเขาอยู่ๆก็ถูกเรียกไปเกณฑ์ทหาร ผมเอากล่องใส่น้ำดื่มมาต่อเข้าด้วยกันตรงที่ว่างใต้บันไดเพื่ออาศัยเป็นที่นอน อยู่อย่างนั้นประมาณ 1 ปีครึ่ง เวลาฝนตก น้ำก็จะทะลักเข้ามารวมกัน (ยิ้ม) อยู่ตรงที่ๆผมนอน ราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง
~ มันคือโรงยิมแถวๆ Bangdae Dong ... ยังอยู่จนถึงทุกวันนี้ครับ ผมอยากจะกลับไปสักครั้งหนึ่งเหมือนกัน ช่วงเวลานั้นคือช่วงเวลาที่ว้าเหว่ที่สุดของผม ผมอยู่ตามลำพังคนเดียวเป็นวันๆ นับตั้งแต่ผมตัดสินใจแยกตัวออกมาจากบ้านเพื่อมาเป็นนักแสดง ผมก็ใช้เวลาทำงานอยู่ที่นั้น เพราะไม่อยากเป็นภาระกับใคร
~ มีหลายครั้งด้วยกันที่ผมรู้สึกว่ายังปรับตัวกับชีวิตในกรุงโซลไม่ได้จริงๆ อย่างครั้งหนึ่งเมื่อผมกำลังจะย้ายเข้าไปอยู่ในที่พักแห่งใหม่ แต่เจ้าของบ้านกลับไม่ยอมให้ผมเข้าไปข้างใน เพราะผมยังจ่ายค่าล่วงหน้าให้กับเขาไม่ได้เพราะเป็นช่วงที่ธนาคารปิด กับเหตุการณ์อย่างนั้น ผมจึงมีความรู้สึกว่า " ชีวิตในโซล หนะ เป็นอย่างนี้เองหรือ "( ยิ้ม )
~ เพราะผมในอดีต ... ทำให้ผมเป็นผมมาได้อย่างที่เป็นอยู่ในเวลานี้ ผมไม่เคยเสียใจเลยต่อสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ถ้าผมทำอะไรที่ผิดพลาดลงไป ผมคิดว่าความผิดพลาดเหล่านั้นได้ทำให้ผมกลายมาเป็นผมอย่างเช่นที่เป็นอยุ่ในเวลานี้
~ นี้คือก้าวแรกของผม ... นับแต่ที่ผมได้รับความไว้วางใจให้แสดงในฐานะผู้แสดงนำ ทำให้ผมมีความรู้สึกว่าผมได้ก้าวเข้ามาสู่อาชีพการแสดงอย่างแท้จริงแล้วเวลานี้
~ สิ่งหน่ึงที่เสียใจ .. ที่ผมไม่มีโอกาสได้ท่องเที่ยวในต่างประเทศเมื่อผมยังมีอายุน้อยกว่านี้ ไม่ได้หมายถึงการไปถ่ายรูปสวยๆมาเก็บเป็นใส่อัลบั้มที่ระลึกอะไรทำนองนั้น แต่เสียดายที่ไม่ได้เดินทางแบบ Backpacking โดยท่องเที่ยวไปเรื่อยๆไปแบบไม่ต้องมีจุดหมายปลายทางที่แน่นอน
~ ผมไปเที่ยวตามเขาในเกาหลีมามากเท่าที่ทำได้กับครอบครัวของผม ผมชอบการเดินทางครับ
~ ผมอยากจะเดินทางไปรอบโลกด้วยรถมอเตอร์ไซด์ ผมมี scooter ที่บ้านแล้วตอนนี้ ฮา ฮา
~ ผมคิดว่า A Perfect Neighbor คือ ที่ๆให้ความรู้สึกที่เป็นกันเอง เพื่อนบ้านที่เหมือนเพื่อนที่เห็นหน้ากันโดยไม่จำเป็นต้องวางมาดเข้าใส่กัน
credit : www.parksihoo.com
อ่านแล้วน้ำตาคลอเบ้าเลย กว่าจะมาเป็นอย่างวันนี้ได้
ReplyDeleteทำให้เรารักเขามากขึ้นด้วย ชีวิตเขาช่างเป็นตัวอย่างของคนสู้ชีวิตโดยแท้ น่ายกย่องจริงๆคะ
ReplyDeleteเป็นตัวอย่างที่ดีมั่กมากเลยค่ะ
ReplyDelete