Scent

Scent

Monday, May 13, 2013

Hall of Fame : หนุ่มไร่แตงโมจากเมือง Buyeo ( 1998 ) มาเป็น Park Si Hoo นักแสดงที่ไร้ชื่อเสียง ( 2005 ) ( 2 )

( 1998 - 2005 : จาก Buyeo มาอยู่ที่ Seoul - งาน Music Video ชุดแรกของ Park Si Hoo )



ในปี 1998 : Park Pyung Ho ได้ออกจากบ้านมาตามคำชวนของเพื่อนนักเรียนเก่าที่พบกันที่ป้ายรถเมล์ โดยเสนอจะช่วยเหลือเขาทั้งที่พักและงานให้ทำ Pyung Ho ไม่มีเวลาคิดและเตรียมตัวอะไรมากนัก เขาจึงแทบไม่มีอะไรติดตัวมาจาก Buyeo เลย



PSH : " ผมเชื่อมั่นว่าผมจะต้องประสพความสำเร็จ และความเป็นคนที่ไม่ยอมรับรู้กับความเป็นจริงของชีวิตในช่วงนั้น ผมจึงกล้า บ้าบิ่น พอที่จะมุ่งมั่นต่อไป เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังว่าผมจะต้องได้แสดงเป็นตัวนำ  เมื่อคิดถึงช่วงนั้นแล้วผมรู้สึกว่ามันเป็นการมองโลกในแง่ดีที่ไม่มีพื้นฐานจากอะไรเลย แม้หลายปีผ่านไป ผมก็ไม่เคยย่อท้อ หรือเลิกล่มความคิดที่ว่า วันหนึ่งผมจะต้องประสพความสำเร็จ ไม่ใช่เพราะผมเป็นคนที่มีเหตุผลหรือไตร่ตรองอะไร แต่เพราะธรรมชาติของผมที่เป็นคนมุมานะ บากบั่น และ ดึงดัน"

เมื่อมาถึง Seoul เขาจึงทราบว่าเพื่อนที่แนะนำเขานั้นเป็นพวกฉ้อโกง เขาจึงตัดสินใจหลบหนีออกมา  และโดยปราศจากซึ่งแผนการณ์ล่วงหน้าใดๆเขาก็สร้างทางให้กับตัวเองผ่านงานในมหาวิทยาลัย

มหาวิทยาลัย Hanyang




เขาเข้าศึกษาใน " มหาวิทยาลัย Hanyang " วิชาเอกของเขาคือ ... การศึกษาเกี่ยวกับการบริหารงานชุมชน (คงจะคล้ายๆ รัฐศาสตร์ บ้านเรา) และเขาก็เข้ามาเป็นสมาชิกของกลุ่มละครเวทีของมหาวิทยาลัยด้วย

PSH ขณะเดินอยู่ใน Campus ของมหาวิทยาลัย



หลังจากนั้นเขาก็ไปเคาะประตูของกลุ่มการแสดงละคร งานแรกของเขาคือเอาป้ายโปสเตอร์ไปแปะ การแสดงละครเวทีเป็นอะไรที่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนขี้อายอย่าง PSH แต่เขาก็อดทนและใช้เวลาของเขาอยู่ที่นั้นต่อไป คนอื่นๆที่เริ่มต้นในช่วงเวลาเดียวกับเขาได้เลิกลากันไปหมดแล้ว จากคนหนึ่งแล้วก็ตามๆกันออกไป เพราะพวกเขาไม่สามารถจะทนกับการมีสภาพชีวิตแบบนั้นได้

Pyung Ho :  ได้งานเป็นนักแสดงนำฝ่ายชายร่วมกับนักแสดงอีกคนหนึ่ง( Double-cast หมายถึง สลับกันเป็นพระเอกกับนักแสดงอีกคนหนึ่งในละครเวทีที่มีหลายรอบด้วยกัน ) ในละครเรื่อง " Twelve Nyang Life "* ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตที่ทุกข์ยากของเขา

ภาพยนตร์เรื่อง Twelve Nyang Life ที่ออกฉายเมื่อหลายปีมาแล้ว 
นึกภาพ PSH แต่งตัวกับหูหระต่ายอันโตๆอย่างนี้ออกไหม ?



( * ละคร Twelve Nyang Life เป็นเรื่องราวของกรรมกรที่ต้องทำงานหนักและมีชีวิตอยู่ด้วยค่าจ้างขั้นต่ำเพื่อเลี้ยงตัวเองและครอบครัว แม้กระนั้นพวกเขาก็ยังมีช่วงเวลาที่ได้ย้ิม หัวเราะ ร้องไห้ มิตรภาพ และ ความฝันเพื่อวันพรุ่งนี้ร่วมกัน เนื้อหาของละครเป็นการอธิบายถึงสภาพชีวิตที่มีทั้งสุขและทุกข์ร่วมกันของกรรมกรกลุ่มนี้ที่อาศัยอยู่ตามเทือกเขาแห่งหนึ่ง )


นี้คือบันไดเพื่อลงไปในห้องเก็บของซึ่ง PSH 
ใช้ที่แคบๆใต้บันไดนี้อีกทีหนึ่งเป็นที่อาศัยหลับนอนกว่า 1 ปีครึ่ง



PSH :  "  ครั้งหนึ่งผมเคยใช้โรงยิมเป็นที่พักอาศัย ... เพราะเพื่อนที่ผมอาศัยอยู่กับเขาอยู่ๆก็ถูกเรียกไปเกณฑ์ทหาร ( ไม่สามารถที่จะรับภาระจ่ายค่าห้องเพียงคนเดียวได้ ) ผมต้องเอากล่องใส่น้ำดื่มมาต่อเข้าด้วยกันตรงที่ว่างใต้บันไดเพื่ออาศัยเป็นที่นอน อยู่อย่างนั้นประมาณ 1 ปีครึ่ง เวลาฝนตก น้ำก็จะทะลักเข้ามารวมกัน (ยิ้ม) อยู่ตรงที่ๆผมนอน มันราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง "

PSH : " มันคือโรงยิมแถวๆ Bangdae Dong ... ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ครับ ผมอยากจะกลับไปสักครั้งหนึ่งเหมือนกัน ช่วงเวลานั้นคือช่วงเวลาที่ว้าเหว่ที่สุดของผม ผมอยู่ตามลำพังคนเดียวเป็นวันๆ นับตั้งแต่ผมตัดสินใจแยกตัวออกมาจากบ้านเพื่อมาเป็นนักแสดง ผมก็ใช้เวลาทำงานอยู่ที่นั้น เพราะไม่อยากเป็นภาระกับใคร

PSH :  ได้เล่าถึงช่วงขีวิตที่ด้องฝืนทนของเขา ซึ่งเป็นช่วงที่เขากำลังมีความหวังอย่างเต็มเปี่ยมที่จะได้เริ่มสร้างชื่อให้กับตัวเองใน ละครเวทีเรื่องแรกของเขา ซึ่งในวันแรกนั้นไม่ไช่รอบที่เขาจะต้องแสดงในฐานะตัวนำ

PSH : มันถึงช่วงที่ละครกำลังจะฉายรอบแรกแล้ว และเป็นเวลาที่จะต้องออกทำการแจกใบปลิวไปตามที่สาธารณะต่างๆ ในที่สุดหน้าของผมจะได้ปรากฏในภาพกับเขาเสียที ผมนั้นเต็มไปด้วยความคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยม ผมได้เป็นตัวนำ ใช่ไหมหละ? ผมก็เลยเปิดสมุดคู่มือการชมละครออกดู อุ๊ป! ชื่อของผมไม่ได้อยู่ที่รายชื่อของนักแสดง มันกลับไปอยู่ที่ด้านหลัง? ไม่นะ อยู่ตรงหน้าที่ 3 รวมอยู่กับพนักงานทั่วๆไปผมเห็นรูปของผมแล้ว เป็นไปได้อย่างไร ? นี้เพราะผมมาร่วมกับเขาไม่ถึงครึ่งปีหรืออย่างไร ? ผมนั้นสะเทือนใจมากเป็นที่สุด ผมไม่รู้ว่าจะคิดอย่างไร ผมวิ่งไปนั่งที่สวนสาธารณะในทันที นั่งอยู่อย่างนั้นประมารณ 20 -30 นาที ได้แต่จ้องอยู่ที่สมุดคู่มืออยู่อย่างนั้น คอยคิดแต่ว่าผมควรจะกลับบ้านไปเสียเลยดีไหมและลืมทุกสิ่งทุกอย่างให้หมด แต่นี้มันใกล้จะถึงเวลาที่การแสดงจะเริ่มแล้ว แต่เพราะมันเป็น Double cast  ( ทีมนักแสดง 2 ชุด) วันนั้นมันเป็นของอีกกลุ่มหนึ่งที่จะต้องแสดงและผมมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องของการให้แสง ถ้าผมไม่ทำมัน มันก็จะไม่มีแสงไฟ ดังนั้นผมจึงกลับไปที่โรงหนัง

PSH : เมื่อการแสดงสิ้นสุดลง ผมได้กลับไปที่ห้องเล็กๆของผมที่สถานออกกำลังกายแห่งนั้น ผมรู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างเคราะห์ร้ายเหลือเกิน มันมืดแปดด้านไปหมด ผมไม่รู้จักใครเลย ผมมาที่โซลด้วยมือเปล่าๆ ผมรู้สึกทั้งเหงา ว้าเหว่ และเสียใจมากๆ ดังนั้นในชั่วขณะนั้นเองผมก็เลยตัดสินใจครั้งสำคัญ




PSH : ผมใช้โทรศัพท์เข้าไปที่ศูนย์โทรเพื่อโทรทางไกลไปที่บ้าน ( NK : นั้นเป็นวิธีเก่าๆดั้งเดิมก่อนมี cellphone ที่เราต้องโทรผ่านศูนย์เพื่อที่จะโทรทางไกลไปต่างจังหวัด ) ผมรู้สึกว้าเหว่มากจริงๆ ผมจึงโทรเข้าไปหาแม่ ในทันทีที่ได้ยินเสียงแม่เท่านั้นน้ำตาของผมก็ไหลออกมาแบบชนิดหยุดไม่ได้เอาเลย ตามองดูห้องเล็กๆแคบๆตรงหน้าและพูดกับแม่ไปด้วย ผมอยากให้แม่ปลอบโยนผมแต่แม่กลับพูดว่า " ถ้ามันยากลำบากนักที่ Seoul แล้วจะทนอยู่ที่นั่นไปทำไม ? กลับมาบ้านเดี๋ยวนี้เลย! " แม่ของผมไม่ทราบว่าอะไรเกิดขึ้น เธอคิดว่าผมกำลังไปได้ดี ผมถามแม่ว่า" แม่ ผมกำลังรู้สึกสิ้นหวัง และ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ผมถึงได้โทรมาหาแม่  ทำไมแม่ต้องมาดุผม ? "




แต่ในที่สุด PSH ก็กล้ำกลืนใช้ชีวิตของเขาอยู่กับงานละคร 
จนในที่สุดเขาจึงตัดสินใจไปเข้ารับราชการทหารอยู่ถึง 3 ปี 
( NK : ข้อมูลนี้ไม่มั่นใจว่า 2 หรือ 3 ปีกันแน่ ) ซึ่งเป็นช่วงระหว่างปี 1999 - 2003 




~ ในปี 2003 : หลังจากออกมาจากกองทัพได้ไม่นาน Pyung Ho ก็ได้งานโฆษณาชุดชั้นในชิ้นหนึ่งที่ภาพของเขาในชุดชั้นในยังคงวนเวียนออกมาทาง Internet อยู่เสมอๆ โดยตัวของเขาเองมักพูดถึงเรื่องนี้ทุกคนที่ถูกถามขึ้นมาว่า " ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นนายแบบกางเกงชั้นในได้ " และเขาก็ใช้เวลาอีกหนึ่งปีครึ่งอยู่กับชีวิตในโรงละคร ถ่ายโฆษณา และแสดงละครเป็นตัวประกอบเล็กๆอยู่อย่างนั้น



และในปี 2003 นี่เองที่ Park Pyung Ho ได้ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อของเขามาเป็น " Park Si Hoo "


ชื่อ Park Si Hoo ได้เริ่มใช้มาในราวปี 2003 โดยผู้นำสวดที่หมู่บ้านเป็นผู้ตั้งให้

ความหมาย

  " Si " คือ มีเมตตาต่อผู้ยากไร้  
                           " Hoo " คือ มีจิตใจที่อบอุ่น อ่อนโยน ลึกซึ้ง


ชีวิตในช่วงนั้นของเขา วันๆหนึ่งจะหมดไปกับการต้องวิ่งรอกไปถ่ายโฆษณาบางชิ้น ในเวลาเดียวกับที่เขามีงานแสดงบนเวที เขาต้องทำงาน Part time ควบคู่ไปกับบทเล็กๆที่เขาจะได้เล่น ถ่ายแบบ ทำงานบนเวที วนเวียนอยู่อย่างนั้นแต่เขาก็ไม่เคยท้อแท้



จนในปี 2005 : นั้นแหละที่ Park Si Hoo ได้มีโอกาสมาแสดง Music Video " Happiness " ของวง Gavy NJ และนับจากนั้นเป็นต้นมา Park Si Hoo จึงเริ่มมองเห็นช่องทางของเขายิ่งขึ้น แม้ในช่วงนั้นมันยังเป็นเพียงแสงไฟที่ริบหรี่เท่านั้นก็ตาม แต่มันก็คือเส้นทางเดียวที่เขาพร้อมที่จะเลือกเดินเพื่อไปสู่ความฝันของเขา ... โชคดี Park Si Hoo

รสนิยมและกีฬาที่โปรดปราน :



PSH ชอบดูหนังประเภท Fantasy แนวบู๊ที่มีเนื้อหาสาระ และหนังญี่ปุ่นที่มีเนื้อหาลึกซึ้งกินใจ เขาชอบฟังเพลง Jazz ที่นุ่มละไม ถ้ามีเวลาเขาก็ชอบไปตามร้านอาหารดีๆ ที่มีชื่อเสียงเพื่อลิ้มรสอาหารที่เอร็ดอร่อย รวมทั้งเขายังชอบที่จะทำ BarBQ อาบน้ำแบบ Jacuzzi เพราะอย่างนี้เขาจึงเป็นผู้ชายที่มีความสมบูรณ์แบบและมีรสนิยมที่ดีคนหนึ่งในความเห็นของหญิงสาวโดยทั่วไป


กีฬาที่โปรดปราน :



เขายังชอบกีฬาตามฤดูกาลต่างๆอีกด้วย อย่างเข่น Wakeboard ในช่วงหน้าร้อน และ Snowboard ในช่วงหน้าหนาว หลายต่อหลายครั้ง เขาก็จะเล่น Ball กับน้องชายนักกีฬา Baseball ของเขา และ ยังคงมุ่งมั่นกับการออกกำลังกายที่โรงยิมและว่ายน้ำประมาณ 4 ครั้งต่ออาทิตย์ในวันที่ไม่ต้องทำงาน ทั้งหมดนี้มันเกินกว่าระดับของคนธรรมดาทั่วไปเสียแล้ว คงต้องเรียกว่าเป็นระดับของคนที่คลั่งไคล้กับมันเลยทีเดียว


กีฬาที่อยากท้าทายตัวเอง :



กีฬาประเภท Skydiving , Bungee Jump และ Scuba Diving 
เป็นรายชื่อของกีฬาที่อยู่ในความฝันของเขาที่อยากจะท้าทายกับมัน

เมื่อสูงวัย :



PSH : " จะมีใครบ้างไหมที่จะยังคงรักษาภาพพจน์ที่เป็นที่น่ายกย่อง สรรเสริญ ไปตราบนานเท่านาน ถึงแม้จะแก่ตัวลง ผมอยากจะถูกจดจำว่าเป็นนักแสดงที่ทิ้งภาพพจน์ที่ดีงามไว้เบื้องหลัง ผมหวังที่จะเป็นนักแสดงไปนานเท่านาน นักแสดงที่ยังคงฉายแสงของเขาเองอยู่แม้อายุได้ 50 - 60 ปีแล้วก็ตาม และผมก็หวังว่าความสัมพันธ์ของผมกับแฟนๆจะยังคงเป็นอยู่เช่นนี้ตราบนานเท่านานครับ " 



THE END



(Source: http://www.doopedia.co.kr/photobox/comm/community.do?_method=view&GAL_IDX=101012000754096&category=total&categoryTerm=01#)
(Credits: www.doopedia.co.kr; http://google.com; sbs entaintment@youtube.com. Thanks!)



Credit : parksihoo4u.com,thanks!

11 comments:

  1. เป็นความมุ่งมั่นที่น่าชื่นชมมากเลยทีเดียว สู้ต่อไปนะ PSH fighting !!!

    ReplyDelete
  2. อ้าวกำลังอ่านเพลินๆจบเฉยเลย ชื่นชมในความอดทนของเขามากเลย สู้ต่อไปนะ PSH fighting !!!

    ReplyDelete
  3. ขอบคุณสำหรับผลงานดีดีแบบนี้ค่ะนิกกี้ ยากนะค่ะที่จะได้อ่านอะไรที่ครบถ้วนแบบนี้โดยไม่ต้องไปค้นคว้าเอาเอง ขอบคุณสำหรับการทำงานหนัก..ขอบคุณจริงๆค่ะนิกกี้
    ชีวิตของเขานั้นไม่ง่ายเลย หากเป็นคนทั่วไปคงหยุดและท้อไปแล้ว เค้าช่างเป็นนักสู้ตัวจริงเลยค่ะ...Rak

    ReplyDelete
  4. ขอบคุณนะคะนิกกี้ มีข้อมูลดีๆ มาให้อ่านตลอดเลย แล้วก็เขียนออกมาได้ดีด้วย ยกนิ้วให้กับความขยันจริงๆ ค่ะ ^^ อ่านไปก็เพลินไป (แอบแว๊บมาเพลินกันซะตอนนี้ 555)
    มีความสุขที่ได้อ่านเรื่องราวของเขา...PSH ชีวิตเขานั้นมีครบทุกอย่าง สุข เศร้า เหงา ทุกข์...แต่เหนือสิ่งอื่นใดความมุ่งมั่นของเขาก็ทำให้เขาประสบความสำเร็จได้จริง ๆ เป็นแบบอย่างของความพยายามที่ดี....ที่เราปลื้มเขานั้น เรารู้สึกว่าปลื้มถูกคนแล้วจริงๆ ชีวิตเขานั้นดีพอ ๆ กับหน้าตาเขาเลยทีเดียว รู้สึกภูมิใจตัวเองที่มาหลงรักเขานะนี่ ^^

    ReplyDelete
  5. Good Morning คะทุกคน : แหะๆ มันต้องจบอย่างนั้นคะ เพราะถูกมอบหมายให้ทำแค่นั้น ส่วนอื่นๆหลังจากที่เขาเริ่มงานแสดงละครแล้วเป็นหน้าที่ของ Admin คนอื่นๆคะ ซึ่งจริงๆแล้วเขาเสร็จกันเกือบหมดแล้วหละในส่วนของเขา เรามันต่วมเตี่ยมเป็นเต่าอยู่นี้หละ เพราะไม่มีเวลาจริงๆ แต่ก็ขอบคุณทุกๆคนคะที่ชอบ

    ReplyDelete
  6. ขอบคุณนะคะนิกกี้ เค้าช่างเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นมั่กๆเลยอ่ะ อ่านแล้วเพลินมากเลยค่า ยิ่งอ่านก้อยิ่งรักยิ่ชื่นชมเค้ามากขึ้นไปอีก ^^

    ReplyDelete
  7. อ่านอีกก็น้ำตาไหลอีก ตอนที่เค้าอยู่ห้องใต้บันไดอ่ะ แต่เค้าเข้มแข็งจริงๆ ถ้าเป็นดิช้านคงหนีกลับไปอยู่บ้านเลี้ยงน้องควายช่วยคุณพ่อคุณแม่แล้วค่ะ

    ReplyDelete
    Replies
    1. เอ สงสัยอ่ะ
      บ้านเขามีควายด้วยเหรอคะ

      Delete
    2. This comment has been removed by the author.

      Delete
    3. หมายถึงตัวดิช้านเองจ้า ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้มีหวังเปิดแน่บจ้าาาาาาาา

      Delete
    4. ใครมาร้องไห้กะจองงอแง แถวนี้น่ะ อ้าวกลับไปเลี้ยงน้อง มอ มอ ซะแล้ว ยังไม่ได้คุยกันเลย โอ๊ะ สี่ทุ่มแล้วหรือนี่ไวจัง

      Delete